คาสิโนออนไลน์

โพสต์โฆษณาฟรี ซื้อขายสินค้าฟรี โปรโมทร้านค้าฟรี ประกาศฟรี

โพสต์โฆษณาฟรี ซื้อขายสินค้าฟรี โปรโมทร้านค้าฟรี
×

SMF - Just Installed!


บาคาร่า
เว็บหวยออนไลน์
สล็อตเว็บตรง ผ่านทรูวอเล็ต
เว็บสล็อตแตกง่าย 2023
เว็บตรง ทรูวอเลต
usun
รับติดป้ายแบนเนอร์, ป้ายโฆษณาราคาถูก รับติดป้ายแบนเนอร์, ป้ายโฆษณาราคาถูก รับติดป้ายแบนเนอร์, ป้ายโฆษณาราคาถูก บ้านน็อคดาวน์, บ้านสำเร็จรูป รับติดป้ายแบนเนอร์, ป้ายโฆษณาราคาถูก รับติดป้ายแบนเนอร์, ป้ายโฆษณาราคาถูก

รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับรีโนเวท บ้านน็อคดาวน์, ขายบ้านน็อคดาวน์, รับออกแบบบ้านน็อคดาวน์, บ้านสำเร็จรูป โปรโมทเว็บ, รับโฆษณาสินค้า บ้านน็อคดาวน์, บ้านสำเร็จรูป ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม

รับติดป้ายแบนเนอร์, ป้ายโฆษณาราคาถูก ไนโตรเจนเหลว ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดป้ายแบนเนอร์, ป้ายโฆษณาราคาถูก รับติดป้ายแบนเนอร์, ป้ายโฆษณาราคาถูก รับติดป้ายแบนเนอร์, ป้ายโฆษณาราคาถูก

ดาฟาเบท
Online casino
บาคาร่า
หวย ฮานอย
เว็บตรง ไม่ผ่านเอเย่นต์
pg
pg slot
บาคาร่า
แทงมวย ออนไลน์
เว็บเดิมพัน
สล็อต
บาคาร่า
สล็อต
พาโชคล็อตเตอรี่
คาสิโนออนไลน์
หวยออนไลน์
UFABET
UFABET
UFABET
หวยออนไลน์
คาสิโนออนไลน์เว็บตรง
สล็อตเว็บตรง ฝากถอนวอเล็ตไม่มีขั้นต่ำ true wallet
บาคาร่า
สล็อต
หวยรัฐบาล
dnabet
Betworld
dnabet
Betworld
เครดิตฟรีสล๊อต

อ่านการ์ตูนออนไลน์(อ่าน 3397 ครั้ง)
อ่านการ์ตูนออนไลน์ เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2019, 11:31:48 pm
อ่านการ์ตูนออนไลน์ การ์ตูนสยอง การ์ตูนไพเรท อ่านการ์ตูนหมึกจีนออนไลน์  การ์ตูน princess หมึกจีน การ์ตูนหวานแหวว การ์ตูนผู้หญิง การ์ตูนโรแมนซ์สำหรับสาวๆ การ์ตูนโรแมนติกแนวชีค เจ้าชายอาหรับ การ์ตูนความรักวัยรุ่น รุ่นพี่ที่รัก ไม่ต้องดาวน์โหลด ดูแบบต่อเนื่องทีละตอน  การ์ตูนสยองสมัยก่อน ทั้งสยองและฮา  ลายเส้นสุดแนว
อ่านการ์ตูนออนไลน์


Romance เล่ม 117

ลูซินด้า

ไฟปรารถนา

New Romantic 9

เผลอรักหนุ่มไฮโซ

Romance เล่ม 264

Prince เล่ม 1

Shock Shock เล่ม 1

พิษรักแรงแค้น

Romance เล่ม 265

Marmalade 18

Romance เล่ม 60

Freshy เล่ม 42

Romance เล่ม 68

Cheese เล่ม 22

Venus เล่ม 17

Wow เล่ม 1

Romance เล่ม 304

บอดี้การ์ดสะท้านรัก

Princess เล่ม 58

Taboo เล่ม 10

Princess เล่ม 57

Fantasia เล่ม 4

เจ้าชายขี้แกล้ง

Mini Romance เล่ม 17

Darling เล่ม 61

Princess เล่ม 59

Taboo เล่ม 48

Darling เล่ม 46

หลงรักหนุ่มมอเตอร์ไซค์

Princess เล่ม 1

Taboo เล่ม 53

Misao Special

รักข้ามรุ่น

ปีกรักปาฏิหาริย์

Prince เล่ม 34

พ่ายรักสาวไฮโซ

Princess เล่ม 60

Spaghetti

Special Princess

Princess เล่ม 4

Sweet Romance 11

Venus เล่ม 22

มารร้ายกระหายรัก

Custard

Romance เล่ม 327

Hot Love เล่ม 1

Princess เล่ม 61

Venus เล่ม 27

มาดรักมาดร้าย

สารบัญการ์ตูน 1
สารบัญการ์ตูน 2
สารบัญการ์ตูน 3
สารบัญการ์ตูน 4
สารบัญการ์ตูน 5
สารบัญการ์ตูน 6
สารบัญการ์ตูน 7
สารบัญการ์ตูน 8
สารบัญการ์ตูน 9

ด้านล่างนี้ขายจ้า มีตัวอย่างให้ดูด้วย
ติดต่อแม่ค้า
ไลน์ fattycatty

สแกนคิวอาร์โค้ดเพิ่มไลน์ได้ที่นี่


อีเมล์ [email protected]



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 27, 2023, 01:40:28 am โดย anyaha »



Re: อ่านการ์ตูนออนไลน์ ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2019, 11:33:05 pm
ขายการ์ตูน pdf ออนไลน์ คลิกดูรายละเอียดแต่ละเรื่องเลยจ้า
ขายเล่มละ 10 บาทค่ะ
ติดต่อแม่ค้า
ไลน์ fattycatty

สแกนคิวอาร์โค้ดเพิ่มไลน์ได้ที่นี่


อีเมล์ [email protected]


จูบหวานเจ้านายจอมโหด

Romance เล่ม 160

Romance เล่ม 325

Romance เล่ม 13

Romance เล่ม 236

Honda ฮอนดะ

Romance เล่ม 281

Romance เล่ม 282

สามีคืนเดียว

Asari อาซาริ

Darling เล่ม 19

Prince เล่ม 2

Romance เล่ม 15

Romance เล่ม 163

Romance เล่ม 207

Romance เล่ม 294

Romance เล่ม 335

Sweet Romance 9

พิชิตหัวใจนายยอดแสบ

รอวันฉันรักคุณ

แผนร้ายพ่ายรักเธอ

My Dear เล่ม 57

พายุเสน่หา

รัตติกาลหวานรัก

เจ้าสาวของชามาล

Darling เล่ม 37

My Dear เล่ม 13

Romance เล่ม 3

Romance เล่ม 4

Romance เล่ม 93

Romance เล่ม 101

Romance เล่ม 107

Romance เล่ม 109

Romance เล่ม 112

Romance เล่ม 124

Romance เล่ม 156

Romance เล่ม 186

Romance เล่ม 227

Romance เล่ม 267

Romance เล่ม 277

Romance เล่ม 288

Romance เล่ม 350

Sakura เล่ม 35

Taboo เล่ม 50

อุ่นไอรักหนุ่มออฟฟิศ

การ์ตูนมีเป็นพันเล่มเข้าไปเลือกดูทั้งหมดที่นี่เลยจ้า

ขายการ์ตูนออนไลน์ 1
ขายการ์ตูนออนไลน์ 2
ขายการ์ตูนออนไลน์ 3
ขายการ์ตูนชุด

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 27, 2023, 01:41:59 am โดย anyaha »



Re: อ่านการ์ตูนออนไลน์ ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2019, 11:33:29 pm
ขายการ์ตูน pdf ออนไลน์ การ์ตูน นางฟ้าซาตาน  3 เล่มจบ  ราคา 150 บาท



"เจรัลดีน" สาวน้อยใสซื่อตกหลุมรัก "ชาร์ล" ญาติผู้พี่ เด็กหนุ่มรูปงาม เขาทำให้เธอใจเต้นตึกตักเมื่ออยู่ใกล้ และเป็นรักแรกของเธอ ทำให้ไม่สนใจ "เจค ฟีซตัน" คู่หมายที่พ่อหาไว้ให้ และให้มาเป็นครูพิเศษของเธอ แต่ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาของชาร์ลมีความทะเยอทะยานและร้ายกาจซ่อนอยู่

เจรัลดีนเติบโตมาเป็นหญิงสาวอ้วนขี้เหร่ ชาร์ลรังเกียจเธอแต่ฝืนทนทำว่ารักเพราะหมายปองสมบัติของเจรัลดีน แต่ความลับไม่มีในโลก เจรัลดีนแอบเห็นชาร์ลมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น เจรัลดีนหนีไปและทำเหมือนว่าตายไปแล้ว เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองและให้เจคช่วยให้เธอช่ำชองผู้ชายและกลับมาแก้แค้นชาร์ล!!!

















































ขายการ์ตูนตาหวาน แบบ pdf ดูในคอมพิวเตอร์หรือมือถือหรือแท็บเล็ต การ์ตูนตาหวาน การ์ตูนผู้หญิง การ์ตูนสยองขวัญ การ์ตูนตาหวาน การ์ตูน Princess หมึกจีน แบบ pdf ดูในคอมพิวเตอร์หรือมือถือหรือแท็บเล็ต โอนเงินแล้วดาวน์โหลดไฟล์ได้เลย

ดูรายชื่อการ์ตูนได้ที่ สั่งซื้อการ์ตูนตาหวาน PDF ขายการ์ตูนออนไลน์

ติดต่อแม่ค้า
ไลน์ fattycatty
อีเมล์ [email protected]

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 01, 2019, 01:09:29 am โดย anyaha »



Re: อ่านการ์ตูนออนไลน์ ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2019, 11:33:50 pm
ขายการ์ตูน pdf ออนไลน์ การ์ตูนแกล้งจุ๊บให้รู้ว่ารัก 12 เล่มจบ
สั่งซื้อการ์ตูน แกล้งจุ๊บให้รู้ว่ารัก 12 เล่มจบ ที่นี่

อาอิฮาระ โคโทโกะ ยื่นจดหมายรักให้กับชายในดวงใจที่อยู่ต่างห้องเรียนเป็นหนุ่มฮอตหน้าตาดีเรียนเก่งเป็นอัจฉริยะที่ชื่อ อิริเอะ นาโอกิ และถูกปฏิเสธในทันใด ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดอ่านเลยสักนิด แต่จู่ๆก็เกิดอุบัติเหตุที่ชักนำให้โคโทโกะต้องไปอาศัยอยู่ที่บ้านของนาโอกิ ด้วยความต้อนรับของแม่ของอิริเอะที่เอ็นดูโคโทโกะมากและอยากให้มาเป็นสะใภ้ ในการสอบกลางภาค นาโอกิ ได้ติวเข้มให้กับโคโทโกะจนได้คะแนนอยู่ในระดับแนวหน้า เป็นเหตุให้ฏคโทโกะยิ่งเป็นปลื้มในตัวนาโอกิทวีคูณ

ความลับไม่มีในโลก ในที่สุดเพื่อนๆ ที่โรงเรียนก็ได้รู้แล้วว่า โคโทโกะ อาศัยอยู่บ้าน นาโอกิ เป็นเหตุให้เกิดเรื่องวุ่นชุลมุนแบบฉุดไม่อยู่ เหตุการณ์ในบ้านก็ใช่ย่อย เพราะแม่ของนาโอกิเจ้ากี้เจ้าการวางแผนจะให้ทั้งสองแต่งงานกัน แต่นาโอกิปฏิเสธอย่างแข็งขัน

เรื่องนี้สนุกตรงที่พระเอกซึนมากๆ ปากแข็ง พูดจาดูถูกนางเอกว่าโง่บ้าง ไม่ใช่สเป๊ค ตอนแรกๆ ก็ปฏิเสธนางเอกตลอดๆ แต่พออยู่บ้านเดียวกันไปนานๆ ก็หลงรักในความเปิ่นๆ โก๊ะของนางเอก แต่ก็ไม่ยอมรับจนนางเอกถอดใจจะไปรักคนอื่น พระเอกถึงได้รู้ใจตัวเอง สนุกจนนำไปทำเป็นซีรีย์ละครของไต้หวันและโด่งดังมากๆ

ตัวอย่างเล่ม 1 ลองดาวน์โหลดเลยค่ะ
แกล้งจุ๊บให้รู้ว่ารัก 01
https://drive.google.com/file/d/1bgkHhOy7cCvXpx3xRiKhkJRe5ip6OWOX/view?usp=sharing











































ดูรายชื่อการ์ตูนได้ที่ สั่งซื้อการ์ตูนตาหวาน PDF ขายการ์ตูนออนไลน์

ติดต่อแม่ค้า
ไลน์ fattycatty
อีเมล์ [email protected]

การ์ตูนชุดหายาก  การ์ตูนแกล้งจุ๊บให้รู้ว่ารัก, การ์ตูนนางฟ้าซาตาน, เหิรฟ้าไปคว้ารัก(บินไปกับหัวใจสีชมพู) 5 เล่มจบ, คุณหนูไฮโซโยเยรัก, รูมินเทพบุตรซาตาน 3 เล่มจบ , ยอมตายถ้าได้รักเธอ 5 เล่มจบ วังวนปรารถนา 2 เล่มจบ, เจ้าหญิงซ่าส์กับนายหมาบ้า 6 เล่มจบ, รักเทวดาท่าจะวุ่น 2 เล่มจบ, สามีสุดหล่อต้องง้อหน่อย, คืนและวันของสองเรา 2 เล่มจบ, รักนี้ชั่วนิรันด์ 2 เล่มจบ, รักทั้งตัวและหัวใจ 6 เล่มจบ, มนต์รักลมหนาว 2 เล่มจบ, หัวใจรักริมรางรถไฟ 2 เล่มจบ, สาวซิลิโคน 7 เล่ม ยังไม่จบ, หัวใจรักราชินี 5 เล่มจบ, หลงเสน่ห์เซนเซต๊อง 2 เล่มจบ, เกาะนางพญาเงือก 2 เล่มจบ, รักยุกยิกกุ๊กกิ๊กหัวใจ 2 เล่มจบ, หัวใจไม่ร้างรัก 2 เล่มจบ, GOLD รักนี้สีทอง 2 เล่มจบ, หนุ่มสุดขั้วบวกสาวสุดขีด 6 เล่มจบ, ดีไซเนอร์สาวยอดรัก 2 เล่มจบ

การ์ตูนมีหลากหลายแนว ทั้ง การ์ตูนความรักโรแมนติก 18+ แบบ hot love, Taboo
การ์ตูนโรแมนติกแนวชีค Romance, Darling, My Dear, Mini Romance
การ์ตูนโรแมนติกแนวย้อนยุค แบบ Lady หมึกจีน
การ์ตูนความรักแบบวัยรุ่น สดใส ไฮสคูล วัยเรียน แบบ Hischool, Cheese, Venus, Hello, Cherry, Strawberry,
การ์ตูนแนวอีโรติกสยองขวัญ 18+ ย้อนยุค Dark Fairy Tail ไม่เหมือนใคร แบบ Princess หมึกจีน
การ์ตูนแนวสยองขวัญ ผี ระทึกขวัญ ยุคเก่าๆ หาอ่านยาก เช่น ขวัญผวา, ก๊อก ก๊อก ก๊อก, กุกกัก




Re: อ่านการ์ตูนออนไลน์ ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2019, 11:34:06 pm
ขายการ์ตูน pdf ออนไลน์ การ์ตูน นางฟ้าซาตาน  3 เล่มจบ  ราคา 150 บาท



"เจรัลดีน" สาวน้อยใสซื่อตกหลุมรัก "ชาร์ล" ญาติผู้พี่ เด็กหนุ่มรูปงาม เขาทำให้เธอใจเต้นตึกตักเมื่ออยู่ใกล้ และเป็นรักแรกของเธอ ทำให้ไม่สนใจ "เจค ฟีซตัน" คู่หมายที่พ่อหาไว้ให้ และให้มาเป็นครูพิเศษของเธอ แต่ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาของชาร์ลมีความทะเยอทะยานและร้ายกาจซ่อนอยู่

เจรัลดีนเติบโตมาเป็นหญิงสาวอ้วนขี้เหร่ ชาร์ลรังเกียจเธอแต่ฝืนทนทำว่ารักเพราะหมายปองสมบัติของเจรัลดีน แต่ความลับไม่มีในโลก เจรัลดีนแอบเห็นชาร์ลมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น เจรัลดีนหนีไปและทำเหมือนว่าตายไปแล้ว เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองและให้เจคช่วยให้เธอช่ำชองผู้ชายและกลับมาแก้แค้นชาร์ล!!!

















































ขายการ์ตูนตาหวาน แบบ pdf ดูในคอมพิวเตอร์หรือมือถือหรือแท็บเล็ต การ์ตูนตาหวาน การ์ตูนผู้หญิง การ์ตูนสยองขวัญ การ์ตูนตาหวาน การ์ตูน Princess หมึกจีน แบบ pdf ดูในคอมพิวเตอร์หรือมือถือหรือแท็บเล็ต โอนเงินแล้วดาวน์โหลดไฟล์ได้เลย

ดูรายชื่อการ์ตูนได้ที่ สั่งซื้อการ์ตูนตาหวาน PDF ขายการ์ตูนออนไลน์

ติดต่อแม่ค้า
ไลน์ fattycatty
อีเมล์ [email protected]

การ์ตูนชุดหายาก  การ์ตูนแกล้งจุ๊บให้รู้ว่ารัก, การ์ตูนนางฟ้าซาตาน, เหิรฟ้าไปคว้ารัก(บินไปกับหัวใจสีชมพู) 5 เล่มจบ, คุณหนูไฮโซโยเยรัก, รูมินเทพบุตรซาตาน 3 เล่มจบ , ยอมตายถ้าได้รักเธอ 5 เล่มจบ วังวนปรารถนา 2 เล่มจบ, เจ้าหญิงซ่าส์กับนายหมาบ้า 6 เล่มจบ, รักเทวดาท่าจะวุ่น 2 เล่มจบ, สามีสุดหล่อต้องง้อหน่อย, คืนและวันของสองเรา 2 เล่มจบ, รักนี้ชั่วนิรันด์ 2 เล่มจบ, รักทั้งตัวและหัวใจ 6 เล่มจบ, มนต์รักลมหนาว 2 เล่มจบ, หัวใจรักริมรางรถไฟ 2 เล่มจบ, สาวซิลิโคน 7 เล่ม ยังไม่จบ, หัวใจรักราชินี 5 เล่มจบ, หลงเสน่ห์เซนเซต๊อง 2 เล่มจบ, เกาะนางพญาเงือก 2 เล่มจบ, รักยุกยิกกุ๊กกิ๊กหัวใจ 2 เล่มจบ, หัวใจไม่ร้างรัก 2 เล่มจบ, GOLD รักนี้สีทอง 2 เล่มจบ, หนุ่มสุดขั้วบวกสาวสุดขีด 6 เล่มจบ, ดีไซเนอร์สาวยอดรัก 2 เล่มจบ

การ์ตูนมีหลากหลายแนว ทั้ง การ์ตูนความรักโรแมนติก 18+ แบบ hot love, Taboo
การ์ตูนโรแมนติกแนวชีค Romance, Darling, My Dear, Mini Romance
การ์ตูนโรแมนติกแนวย้อนยุค แบบ Lady หมึกจีน
การ์ตูนความรักแบบวัยรุ่น สดใส ไฮสคูล วัยเรียน แบบ Hischool, Cheese, Venus, Hello, Cherry, Strawberry,
การ์ตูนแนวอีโรติกสยองขวัญ 18+ ย้อนยุค Dark Fairy Tail ไม่เหมือนใคร แบบ Princess หมึกจีน
การ์ตูนแนวสยองขวัญ ผี ระทึกขวัญ ยุคเก่าๆ หาอ่านยาก เช่น ขวัญผวา, ก๊อก ก๊อก ก๊อก, กุกกัก

ตัวอย่างการ์ตูน คลิ๊กลิ้งค์เพื่อดาวน์โหลดการ์ตูน
จอมใจเจ้าทะเลทราย new
https://drive.google.com/file/d/0B2rHOMg8VlgMdDdQUTZXSUVIYkk/view?usp=sharing




Re: อ่านการ์ตูนออนไลน์ ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2019, 11:34:21 pm
ขายการ์ตูน pdf ออนไลน์ หนุ่มสุดขั้วบวกสาวสุดขีด 6 เล่มจบ
สั่งซื้อหนุ่มสุดขั้วบวกสาวสุดขีด 6 เล่มจบ ที่นี่

การ์ตูนหายากเรื่องยาว แต่ละเล่มหนาประมาณ 500 หน้า
หมายเหตุ เล่ม 1 มีกระดาษมืดบางช่วง ประมาณ 100 หน้า
สั่งซื้อขั้นต่ำ 100 บาทค่ะ

เรื่องราวน่ารักกุ๊กกิ๊กของกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวที่บังเอิญได้มาอาศัยอยู่บ้านใกล้กัน

นิชิคิโด คาโฮ นักเรียนม.ปลายกับเพื่อนสาวอีกสองคนอาศัยกันอยู่ลำพังเพราะพ่อแม่ไปทำงานต่างประเทศ พวกเธอตกหลุมรักทามิโต้ หนุ่มเซเลบสุดหล่อเท่ห์ของโรงเรียน และพยายามจะเข้าใกล้เขาให้ได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะทามิโต้ก็มีสาวๆ อีกมากมายคลั่งใคล้เขาเช่นกัน

ในวันหนึ่งโอกาสนั้นมาถึง แต่การพบเจอกันทำให้คาโฮอับอายเพราะเธอเลือดกำเดาใหลต่อหน้าหนุ่มในดวงใจ ครั้งต่อมาที่เจอก็ถูกหาว่าเป็นโรคจิตแอบถ้ำมองดูเขาเปลือยไปอี๊ก จนเธอโมโหประกาศว่าทามิโต้หลงตัวเองและจะไม่ชอบเขาอีกแล้ว แต่บุพเพเล่นตลกให้ทั้งคู่มาเจอกันเพราะกลุ่มของพวกทามิโต้มาเช่าบ้านใกล้กับบ้านของคาโฮซะงั้น

ติดต่อแม่ค้า ไลน์ไอดี fattycatty
อีเมล์ [email protected]














































































ขายการ์ตูนตาหวาน แบบ pdf ดูในคอมพิวเตอร์หรือมือถือหรือแท็บเล็ต การ์ตูนตาหวาน การ์ตูนผู้หญิง การ์ตูนสยองขวัญ การ์ตูนตาหวาน การ์ตูน Princess หมึกจีน แบบ pdf ดูในคอมพิวเตอร์หรือมือถือหรือแท็บเล็ต โอนเงินแล้วดาวน์โหลดไฟล์ได้เลย

ดูรายชื่อการ์ตูนได้ที่ สั่งซื้อการ์ตูนตาหวาน PDF ขายการ์ตูนออนไลน์

ติดต่อแม่ค้า
ไลน์ fattycatty
อีเมล์ [email protected]

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 01, 2019, 01:08:24 am โดย anyaha »



Re: อ่านการ์ตูนออนไลน์ ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2019, 11:34:36 pm
ขายการ์ตูนตาหวาน แบบ pdf ดูในคอมพิวเตอร์หรือมือถือหรือแท็บเล็ต การ์ตูนตาหวาน การ์ตูนผู้หญิง การ์ตูนสยองขวัญ การ์ตูนตาหวาน การ์ตูน Princess หมึกจีน แบบ pdf ดูในคอมพิวเตอร์หรือมือถือหรือแท็บเล็ต โอนเงินแล้วดาวน์โหลดไฟล์ได้เลย

ดูรายชื่อการ์ตูนได้ที่ สั่งซื้อการ์ตูนตาหวาน PDF ขายการ์ตูนออนไลน์

ติดต่อแม่ค้า
ไลน์ fattycatty
อีเมล์ [email protected]

การ์ตูนเกาะนางพญาเงือก สั่งซื้อการ์ตูนตาหวาน PDF การ์ตูนเกาะนางพญาเงือก

ที่เกาะลึกลับแห่งหนึ่งมีเงือกอาศัยอยู่ ประชากรเงือกที่อาศัยที่เกาะนี้ล้วนแล้วแต่เป็นหญิง และทุกๆ 10 ปี จะมีการฉลองจันทราให้เหล่าสาวๆ นางเงือกสนุกได้เต็มที่ ลีน่า เงือกน้อยที่อายุยังไม่ถึงวัยเข้าร่วมงาน ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว แอบดูงานฉลอง ก็ได้พบกับความโหดร้ายของเหล่าสาวๆ นางเงือกที่พวกเธอล่อลวงผู้ชายที่หลงเข้ามาในเกาะนี้มามีสัมพันธ์ด้วยแล้วก็ฆ่าทิ้ง เพราะกฏของเกาะนั้นมีอยู่ว่า ที่เกาะแห่งนี้ต้องมีแต่ผู้หญิง ไม่สามารถให้ผู้ชายอาศัยอยู่บนเกาะได้ แต่เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์จึงต้องจัดงานฉลองให้เอาผู้ชายมามีสัมพันธ์ด้วยแล้วก็ฆ่าทิ้ง

สาเหตุที่ผู้ชายอาศํยอยู่บนเกาะไม่ได้ แม่เฒ่าของเกาะได้ให้เหตุผลว่า ผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตรายมาก ผู้ชายมอบเชื้อพันธุ์ให้แต่ก็นำภัยพิบัติมาด้วย ผู้ชายจะกลืนกินจิตวิญญาณของผู้หญิง ดังนั้นเมื่อได้รับเชื้อแล้ว ผู้ชายก็จะหมดประโยชน์ หากปล่อยผู้ชายไป เขาจะกลับมานำเผ่าพันธุ์เราไปเป็นทาส จึงต้องกำจัดทิ้งเสีย มันเป็นกฎของเกาะนี้

10 ปีต่อมา ลีน่าเติบโตเป็นเงือกสาวสวยสะพรั่ง ถึงวัยที่เข้าร่วมงานได้แล้ว มีเรือลำหนึ่งถูกพายุพัดล่มบริเวณของเกาะ ลีน่าได้ช่วยชายคนหนึ่งไว้ และมีสัมพันธ์ด้วย แต่แล้วลีน่าก็ทำใจฆ่าชายคนนั้นไม่ลง ปล่อยให้เจ้าชายมีชีวิตรอดกลับไป หลังจากที่ผิดกฎของเกาะ ลีน่าต้องถูกขับไล่ออกจากเกาะ และมีทางเดียวที่จะกลับเข้าไปได้คือต้องเดินทางมายังโลกมนุษย์ที่แสนโหดร้ายเพื่อฆ่าชายผู้นั้นให้ได้








































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 01, 2019, 01:07:43 am โดย anyaha »



Re: อ่านการ์ตูนออนไลน์ ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2019, 11:34:53 pm
ขายการ์ตูน pdf ออนไลน์ การ์ตูนแกล้งจุ๊บให้รู้ว่ารัก 12 เล่มจบ

สั่งซื้อการ์ตูน แกล้งจุ๊บให้รู้ว่ารัก 12 เล่มจบ ที่นี่



อาอิฮาระ โคโทโกะ ยื่นจดหมายรักให้กับชายในดวงใจที่อยู่ต่างห้องเรียนเป็นหนุ่มฮอตหน้าตาดีเรียนเก่งเป็นอัจฉริยะที่ชื่อ อิริเอะ นาโอกิ และถูกปฏิเสธในทันใด ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดอ่านเลยสักนิด แต่จู่ๆก็เกิดอุบัติเหตุที่ชักนำให้โคโทโกะต้องไปอาศัยอยู่ที่บ้านของนาโอกิ ด้วยความต้อนรับของแม่ของอิริเอะที่เอ็นดูโคโทโกะมากและอยากให้มาเป็นสะใภ้ ในการสอบกลางภาค นาโอกิ ได้ติวเข้มให้กับโคโทโกะจนได้คะแนนอยู่ในระดับแนวหน้า เป็นเหตุให้ฏคโทโกะยิ่งเป็นปลื้มในตัวนาโอกิทวีคูณ



ความลับไม่มีในโลก ในที่สุดเพื่อนๆ ที่โรงเรียนก็ได้รู้แล้วว่า โคโทโกะ อาศัยอยู่บ้าน นาโอกิ เป็นเหตุให้เกิดเรื่องวุ่นชุลมุนแบบฉุดไม่อยู่ เหตุการณ์ในบ้านก็ใช่ย่อย เพราะแม่ของนาโอกิเจ้ากี้เจ้าการวางแผนจะให้ทั้งสองแต่งงานกัน แต่นาโอกิปฏิเสธอย่างแข็งขัน



เรื่องนี้สนุกตรงที่พระเอกซึนมากๆ ปากแข็ง พูดจาดูถูกนางเอกว่าโง่บ้าง ไม่ใช่สเป๊ค ตอนแรกๆ ก็ปฏิเสธนางเอกตลอดๆ แต่พออยู่บ้านเดียวกันไปนานๆ ก็หลงรักในความเปิ่นๆ โก๊ะของนางเอก แต่ก็ไม่ยอมรับจนนางเอกถอดใจจะไปรักคนอื่น พระเอกถึงได้รู้ใจตัวเอง สนุกจนนำไปทำเป็นซีรีย์ละครของไต้หวันและโด่งดังมากๆ



ตัวอย่างเล่ม 1 ลองดาวน์โหลดเลยค่ะ

แกล้งจุ๊บให้รู้ว่ารัก 01

https://drive.google.com/file/d/1bgkHhOy7cCvXpx3xRiKhkJRe5ip6OWOX/view?usp=sharing
























































































ดูรายชื่อการ์ตูนได้ที่ สั่งซื้อการ์ตูนตาหวาน PDF ขายการ์ตูนออนไลน์



ติดต่อแม่ค้า

ไลน์ fattycatty

อีเมล์ [email protected]

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 01, 2019, 01:07:15 am โดย anyaha »



Re: อ่านการ์ตูนออนไลน์ ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2019, 11:35:43 pm
อาชญากรรมดำดิน เอล ชาโป กุซมัน
ราชายาเสพติดที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ทำเงินนับพันล้านจากการขนยาเสพติดเข้าสหรัฐ โดยไม่ได้ข้ามพรมแดนได้อย่างไร ก็ดำดินไปไงล่ะ



ที่ อกวา พริเอต้า (Aqua Prieta) เม็กซิโก 19 พฤษภาคม 1990 ห่างจากพรมแดนสหรัฐแค่เอื้อม ตำรวจเม็กซิกันได้รับรายงานจากสายข่าวในท้องถิ่น ให้บุกบ้านทนาย เหมือนจะไม่มีอะไรผิดกฎหมาย จนกระทั้งหนึ่งในเจ้าหน้าที่ลองเปิดก๊อกน้ำในสนามหญ้า ทันใดนั้นแรงดันน้ำก็ผลักดันให้ระบบไฮดรอลิกภายในบ้านทำงาน ในห้องเกมโต๊ะพูลได้ยกตัวสูงขึ้น ตอนนั้นประตูลับที่อยู่ใต้โต๊ะพูก็เปิดออก อยู่ตรงกลางบ้านเลยเหมือนกับในหนังเลย เมื่อโต๊ะเลื่อนขึ้นจนสูงมากพอ เจ้าหน้าที่เห็นช่องที่ต้องไต่บันไดลงไป 30 ฟุต ซึ่งมันก็คือปากประตูอุโมงค์ยาเสพติดยักษ์

ในนั้นมีครบครันทั้งบันได ไฟส่องสว่าง ปล่องระบายอากาศ ตลอดความยาว 4 กิโลเมตร มันไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน ทางการรู้เป็นอย่างดีว่ามีคนเดียวที่ทำได้ขนาดนี้ คือราชายาเสพติดนานาชาติ เอลชาโป

เอล ชาโป กุซมัน เป็นนักค้ายาเสพติดที่ทางการเม็กซิโกต้องการตัวที่สุด และเป็นราชายาเสพติดที่ทรงอิทธิพลที่สุด โจควิน กุซมัน โลเอร่า (Joaquin  Guzman Loera) เติบโตในเม็กซิโกทศวรรษที่ 60 ได้รับฉายาว่า EL chapo หรือเจ้าเตี้ยในภาษาสเปน เมื่อเขาอายุได้ 15 เขาเริ่มบริหารไร่กัญชาของตัวเองในซินาโลอา (Sinaloa) นี่คือดินแดนแห่งการค้ายา เจ้าพ่อค้ายาชื่อกระฉ่อนแต่มาจาก ซินาโลอา มันเหมือนกับเป็นดินแดนแห่งแก๊งมาเฟียยุคดั้งเดิม


เอล ชาโปเริ่มเกเรมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น เขาตัดสินใจว่า ยาเสพติดจะเป็นหนทางให้เขาร่ำรวยได้ คุณจะเป็นใหญ่ก็ด้วยความกลัว การขู่กรรโชก และความรุนแรงนั่นเอง

เขาไต่เต้าขึ้นมาในขบวนการค้ายาในกัวดาราฮาร่า EL chapo มีชื่อเสียงอันร่ำลือเรื่องการปฏิบัติการอันเฉียบแหลม คอยควบคุมการลำเลียงยาเสพติดด้วยวิธีการอันซับซ้อนเข้าสหรัฐ หลายคนอาจจะคิดว่าเพราะคุณพกปืนผาหน้าไม้ เพราะคุณแข็งแรง เพราะโตมาข้างถนน จึงมาเป็นนักค้ายา แต่เอลชาโปไม่ใช่ หมอนี่ฉลาดเป็นกรด ขณะที่พวกขนยาปลายแถวซ่อนยาเอาไว้ในกระป๋องกาแฟ หรือของเด็กเล่น เอลชาโปเล่นของใหญ่อย่างใจถึง เขาไม่ใช่แค่ขนโคเคนจากโคลัมเบียมาทางเครื่องบิน แต่เขามีทั้งกองบิน ตามรายงานระบุว่าเขาน่าจะมีเครื่องบินเกิน 500 ลำ เรียกได้ว่าแทบจะครองน่านฟ้าเลย แต่การยกระดับกิจการขึ้นอีกขั้น และนำหน้า fbi หนึ่งก้าวเสมอ เอลชาโปได้คิดแผนลักลอบขนยาขึ้นใหม่ทั้งหมด เขาคิดขึ้นมาว่าเราใช้วิธีแบบคนงานเหมืองได้นี่ ด้วยการขนยาลอดผ่านพรมแดนมาทางใต้ดิน



การสร้างอุโมงค์ส่งยาที่ล้ำยุคที่สุดในโลก EL chapo สร้างทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญสร้างอุโมงค์สูง 5 ฟุต ลึก 30 ฟุตใต้พื้นดิน ซึ่งเริ่มจากทางใต้ของพรมแดนสหรัฐเม็กซิโก ในหมู่บ้านอะกวาพริเอต้า ซึ่งเหยียดยาวเข้าไปถึง 200 ฟุตในอริโซน่า วิทยาการล้ำยุคที่เอลชาโปต้องการ ค่าก่อสร้างจึงสูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ ความท้าทายแรกคืออุโมงค์ต้องใช้เส้นทางที่สั้นที่สุด เมื่ออยู่ใต้ดินจึงเป็นงานที่พูดได้ว่า พูดง่ายกว่าทำ

เวลาทำงานเจาะใต้พื้นดิน คุณอาจจะเฉออกข้าง ทิ่มลงดิน หรือว่าเป๋ไปมา คุณจึงต้องขนพวกอุปกรณ์รังวัด เพื่อดูว่าจะสามารถเจาะเป็นเส้นตรงได้ตลอดเวลา ขณะทำงานอยู่ใต้ดิน วิศวกรของเอลชาโป ต้องตรวจสอบมุมและทิศทางของอุโมงค์ ด้วยเครื่องมือใช้ส่องที่เรียกว่ากล้องประมวลผลรวม อุปกรณ์นี้จะยิงเลเซอร์เข้าไปที่สุดกำแพงอุโมงค์ เลเซอร์จะสะท้อนกลับมาว่าพวกเขาจะเป็นเส้นตรงไหม ที่ต้องทำแบบนี้เพราะ gps ใช้ใต้ดินไม่ได้

เวลาคุณเจาะพื้นดินลงไปเป็นช่อง เป็นปล่อง หรืออุโมงค์ ในนั้นจะทั้งอึดอัดทั้งชื้น ไม่นานก็จะเต็มไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ ที่คุณพ่นออกมา คุณจะต้องปั๊มอากาศเข้าไป การเจาะอุโมงค์ใต้ดินจึงต้องติดตั้งระบบระบายอากาศ

อุโมงค์ระบายอากาศด้วยท่อลม ซึ่งมีปั๊มระบบวงรอบ ที่ทำอัดอากาศและให้แสงสว่าง ภายในอุโมงค์เดินระบบไฟฟ้าด้วยท่อพลาสติก จะปรับทางบนบ้านในอะกวาพริเอต้า โครงการนี้ใช้กำลังคนอย่างมหาศาล คุณต้องมีคนงานที่คอยขนดินออกจากอุโมงค์ ไหนจะต้องขนไม้มาค้ำยัน ทั้งเครื่องมือนั่นโน่นนี่ และคนงานที่ไม่ใช่แค่คนสองคน จะต้องลงกันไปเป็นร้อยคน

หลังทำการก่อสร้างอยู่ 1 ปี อุโมงค์อันซับซ้อนของเอลชาโป มีความยาวเท่ากับสนามฟุตบอล และทอดตัวอยู่ใต้เส้นพรมแดนสหรัฐเม็กซิโก อุโมงเริ่มจากบ้านในอะกวาพริเอต้า ไปถึงโกดังในดัลลัส อริโซน่า สิ่งที่น่าตกตะลึงมากกว่าตัวอุโมงค์ก็คือ ปริมาณของยาเสพติดที่ขนถ่ายกันในระยะ 6 เดือนแรก ที่เปิดใช้อุโมงค์ มีรายงานว่ามีการขนถ่ายโคเคนจำนวน 144 ตันผ่านทางอุโมงค์นี้

อเมริกาเป็นผู้บริโภคยาเสพติดรายใหญ่ของโลก ส่วนเม็กซิโกเป็นหนึ่งในผู้ผลิตยาเสพติดรายใหญ่ของโลก การเป็นเพื่อนบ้านกันก็เป็นเหมือนกับอุปสงค์อุปทานอย่างดี เมื่อหย่าข้ามพรมแดนไปอย่างเรียบร้อยก็จะถูกกระจายไปอย่างรวดเร็ว ตามเครือข่ายของเอลชาโปที่ทำงานอยู่ในอเมริกา เมื่อขายยาแล้วก็ต้องได้เงินซึ่งเงินทั้งหมดก็จะถูกรวบรวมแล้วส่งกลับมาที่เม็กซิโก เป็นเวลาเกิดปีที่เอลชาโปขนยาเสพติดผ่านอุโมงค์อย่างราบรื่น จนเมื่อตำรวจเม็กซิโกพบประตูทางเข้าไฮดรอลิก เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 1990 และปิดมันลง แต่ราชายานรกที่หายเข้ากลีบเมฆได้เตรียมแผนสำรองไว้สำหรับเรื่องนี้แล้ว วิศวกรของเขาออกแบบอุโมงค์ขนยาไว้ที่อื่นด้วย ไล่ยังไงก็ไม่มีทางทันเพราะมันมีอยู่ทั่วไปหมด ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา อุโมงค์ของเอลชาโปปฏิวัติวิธีการส่งยาทั่วโลก เข้ายึดแก๊งค้ายา sinaloa แล้วเปลี่ยนมันเป็นธุรกิจ 3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ปี 2013 เขากลายเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของประชาชนสหรัฐ เป็นอาชญากรคนแรกที่เป็นตัวอันตรายต่อจากอัลคาโปน ดูเหมือนว่างานของเอลชาโป ส่วนหนึ่งก็คือต้องคิดหาวิธีการที่จะคอยนำหน้าทางการอยู่หนึ่งก้าวเสมอ หลังตามตัวเขาอยู่หลายปีวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2014 fbi ก็ล้อมจับเอลชาโปได้สำเร็จ โดยจับกุมได้ที่เมืองตากอากาศของเม็กซิโกชื่อมาซัทลาน(Mazatlan ) และส่งไปยังเรือนจำความมั่นคงสูงสุดอัลติพลาโน่(Altiplano) หรืออัลคาทราซของเม็กซิโก



อัลติพลาโน่ ไปทางตะวันตกของเม็กซิโกซิตี้ ประมาณ 50 ไมล์ เป็นหนึ่งในคุกที่ดีที่สุดของเม็กซิโก มันคือคุกไฮเทคของเม็กซิโก เหนือขึ้นไปจากคุกเป็นน่านฟ้าปิด ห้ามเครื่องบินผ่านตรงนั้นอย่างเด็ดขาด แต่เอลชาโปไม่ตั้งใจจะไปนอนในคุกนานอยู่แล้ว

หลังจากเปลี่ยนแก๊งค์ค้ายาในซินาโลอา เป็นธุรกิจค้ายาที่ทำเงินได้มากกว่า 3000 ล้านดอลลาร์ต่อปี EL chapo guzman เป็นราชายาเสพติดที่รวยและส่งอิทธิพลคนหนึ่งของโลก และเขาถูกจับกุมในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2014 ทั้งการเม็กซิโกก็รวบตัวเจ้าพ่อคนนี้ได้ และจับขังอยู่ที่เรือนจำความมั่นคงสูงสุดอัลติปลาโน หลังลูกกรง El chapo เจอความท้าทายที่ใหญ่กว่าเดิม จะมีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน รัฐบาลสหรัฐจะเล่นงานเขาในฐานะพ่อค้ายา ฝันร้ายของผู้ค้ายาทุกคนคือการโดนส่งตัวมารับโทษยังสหรัฐ เพราะขบวนการและอำนาจของเขาจะสิ้นสุด เพื่อเลี่ยงการถูกดำเนินคดีในสหรัฐอเมริกา ชายผู้เลื่องชื่อในการขุดอุโมงค์ เหลือทางเลือกเดียวคือขุดอุโมงค์อีก และเป็นอีกครั้งที่มีการวางแผนก่อนลงมืออย่างดี

รายงานอ้างว่าวิศวกรของเอลชาโปเรียนจบมาจากเยอรมนี เห็นได้ชัดว่าปฏิบัติการแหกคุกนี้ทุ่มไม่อั้นเลย เส้นทางหลบหนีกระหึ่มโลก จะอยู่ใต้พื้นดิน 30 ฟุต พร้อมความยาวเกือบ 1 ไมล์ หรือเทียบเท่า 13 สนามฟุตบอล สนนราคาราว 5 ล้านดอลลาร์ แต่ก็มีอุปสรรคทางธรณีวิทยาขวางอยู่ เพราะอัลติปลาโนล้อมรอบด้วยแม่น้ำและทะเลสาบ เหนือระบบน้ำใต้ดินอีกที ระบบน้ำใต้ดินเป็นน้ำบาดาลที่อยู่ใกล้กับพื้นผิว ซึ่งการก่อตัวอยู่ใต้ชั้นผิวดินนั้น น้ำจะเยอะมากจนคุณต้องปั๊มออก หรือต้องรอให้น้ำแห้งเท่านั้น

พวกเขาใช้วิธีสูบน้ำออกจากตรงที่ขุด วิศวกรสร้างอุโมงค์จากบริเวณก่อสร้างไปสู่เรือนจำ พวกเขาใช้ท่อ PVC ร้อยสายไฟ เดินระบบไฟฟ้าและปั๊มอากาศ เข้าสู่ทางเดินใต้ดิน วิศวกรถึงกับต้องสร้างมอเตอร์ไซค์บนรางเพื่อใช้ขนเศษดิน กว่า 3000 ตัน ระบบรางที่ถูกเขาใช้ขนเศษดินออกมานั้นมันเหลือเชื่อจริงๆ อำนาจเงินและอิทธิพลของเอลชาโปในเม็กซิโก ทำให้เขามีข้อมูลทุกอย่างที่ต้องการ แม้กระทั่งการขุดอุโมงค์ไปถึงห้องอาบน้ำของเขาในเรือนจำ เป็นจุดเดียวในเรือนจำที่ไม่มีกล้องวงจรปิดคอยจับตาเขาตลอด 24 ชั่วโมง

มีการคาดการณ์ว่าเอลชาโปน่าจะมีข้อมูลพิมพ์เขียวของคุกหรือสถานที่สำคัญทางความมั่นคงต่างๆของเม็กซิโกอยู่ในมือตั้งแต่ก่อนถูกจับตัว แสดงให้เห็นว่าเขามีแผนสำรองและนำหน้าทางการอยู่เสมอ ผู้คุมในเรือนจำก็กลับแกล้งตาบอด ขณะที่การก่อสร้างดำเนินไป เพราะพวกเขารับได้โต๊ะจากเอลชาโปนั่นเอง เขาสามารถจ่ายเงินจ้างเจ้าหน้าที่หน่วยรัฐบาล ตำรวจ พวกผู้คุม เขามีทั้งเงินและอิทธิพล

กรกฎาคมปี 2015 เอลชาโปเริ่มลงมือ ใต้พื้นห้องอาบน้ำมีอุโมงอยู่ แล้วเขาก็กระโดดลงรู แล้วก็หายตัวไป ราชาอุโมงค์ยักษ์ กระโดดควบมอเตอร์ไซค์ พุ่งสุอิสรภาพ การแหกคุกแบบช็อคโลกผ่านอุโมงค์ยาว 1 ไมล์ มีการพาดหัวข่าวไปทั่วโลก ชื่อเสียงของเอลชาโปยิ่งกระฉ่อน อุโมงค์แหกคุกของเขาเป็นเหมือนการตอกหน้าทางการ เหมือนกับพูดว่า คิดจะจัดการฉันได้หรือมันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่ 6 เดือนให้หลัง ในเดือนมกราคมปี 2016 เอลชาโปถูกรวบตัวได้อีกครั้ง โดยนาวิกโยธินเม็กซิโก ราชาอุโมงค์ส่งยา กลับเข้าเรือนจำอีกครั้ง เอลชาโป เขาสร้างอุโมงค์ที่สลับซับซ้อนที่สุด ในประวัติศาสตร์การค้ายาของโลก ระดับนี้ขนาดเจมส์บอนด์ยังต้องหันมาร้องว้าว

ที่มา รายการอัจฉริยะจอมโฉด



Re: อ่านการ์ตูนออนไลน์ ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2019, 11:36:06 pm
10 อันดับฆาตกรต่อเนื่องที่อำมหิตที่สุดในโลก

จากนักฆ่าจิตฟั่นเฟือนที่ฆ่าชำแหละเนื้อเด็กเล็กๆ ไปจนถึงคนที่ฆ่าได้แม้กระทั่งพ่อแม่ของตัวเอง มาดูกันว่าฆาตกรโรคจิตที่อันตรายที่สุดสิบอันดับทั่วโลกนั้นเป็นใครกันบ้าง ซึ่งเรื่องราวของเขาเหล่านั้นเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาเลยทีเดียว

อันดับที่ 10 เจฟฟรี่ย์ ดาเมอห์
ฆาตกรต่อเนื่องชาวอเมริกันจากมิววอล์กกี้ เขาได้ทำการหลอกล่อเหยื่อไปที่อพาร์ทเม้นท์ของเขาแล้วทำการฆ่าหั่นศพออกเป็นชิ้นๆ เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก เขาได้ทำการฆาตกรรมมาแล้ว 17 ราย และบางครั้งก็เอาชิ้นส่วนของเหยื่อออกมากิน โชคดีที่เหยื่อรายล่าสุดของเขาพยายามจะหนีและส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่ขับรถผ่านมาพอดี และนั่นเองก็ทำให้เจฟฟ์ถูกจับและถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 900 กว่าปี แต่ก็ถูกพบเป็นศพในห้องขังในปี 1994

อันดับที่ 9 มอเซส ซิตโฮล
เขานับว่าเป็นหนึ่งในฆาตกรต่อเนื่องที่เสื่อมชื่อเสียงที่สุดของทวีปแอฟริกาใต้ เขาเริ่มทำในสิ่งที่เรียกว่า "การฆาตกรรมตามตัวอักษร" โดยเริ่มต้นทำการฆาตกรรมครั้งแรกที่เมืองริสเวลแล้วก็ย้ายไปที่เมืองบอสเบิร์ก ก่อนจะทำการฆาตกรรมรายสุดท้ายที่คลีฟแลนด์ คาดว่าเขาน่าจะพาเหยื่อไปที่ทุ่งร้าง ใช้กำลังบังคับข่มขืน ก่อนจะสังหารเหยื่อในที่สุด หลังจากที่เขาถูกจับได้ในปี 1995 เขาก็ถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 2,000 ปี พร้อมกัยโดนทัณฑ์บนอีกกว่า 1,000 ปี

อันดับที่ 8 เท็ด บันดี้
เขาชอบลักพาตัวผู้หญิงที่เป็นคนในเครื่องแบบ หรือบางทีเหยื่ออาจจะเป็นชายร่างพิการที่ทำให้เขาอยากจะช่วยเหลือ แต่จู่ๆ เขาก็จะเกิดอาการคลุ้มคลั่งก่อนจะเปิดประตูบ้านของเหยื่อเข้าไป แล้วก็เอามีดแทงไปที่หน้าของเหยื่อ หลังจากนั้นก็ข่มขืนแล้วตัดหัวของเหยื่อมาเก็บไว้เป็นที่ระลึก เขาถูกจับได้ในปี 1979 และหลังจากนั้นอีกสิบปี เขาก็ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า

อันดับที่ 7 เปโดร อลองโซ โลเปซ
เขาเป็นผู้ชายที่ชอบความรุนแรง นั่นอาจมีสาเหตุมาจากการที่เขาได้ประสบกับความเลวร้ายมาในอดีตถึงทำให้เขากลายเป็นคนเช่นนี้ ตอนที่เปโดรอยู่ในท้องแม่ พ่อของเขาได้ทุบตีแม่ของเขา จนเป็นเหตุให้เขาบาดเจ็บที่ศรีษะขณะที่ยังอยู่ในครรภ์ และเมื่อเปโดรอายุได้ 18 ปีเต็ม เขาได้ทำการฆาตกรรมเหยื่อไปแล้วสิบราย หลังจากนั้นเขาก็สังหารพ่อของตัวเอง ก่อนจะควักหัวใจออกมากิน ก่อนที่เขาจะถูกนำตัวไปคุมขัง เขาก็ได้ทำการฆาตกรรมเหยื่อเพิ่มขึ้นอีก 70 สิบราย แต่เพราะเขาได้รับโทษสูงสุดของบราซิลแล้ว เปโดรก็เลยถูกปล่อยตัวในปี 2007 และก็ยังคงมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน

อันดับที่ 6 โจอาคิม โครลล์
ชายผู้นี้มาจากเยอรมนี ในช่วงระยะเวลานั้น เขาได้ทำการฆาตกรรมเหยื่อไปแล้วถึงสิบสามราย รวมทั้งเด็กตัวเล็กๆ ด้วย ก่อนจะแล่เนื้อออกมากิน ตอนนั้นตำรวจหมดหวังแล้วที่จะจับเขา และมีเพียงแต่ภาพสเก็ตช์ผู้ต้องสงสัยเท่านั้น ถึงขนาดที่ตำรวจจะต้องเคาะประตูถามทุกบ้านว่า มีใครได้พบเจอโจอาคิมตามภาพสเก็ตช์ผู้ต้องสงสัยมาก่อนหรือไม่ แต่พวกตำรวจโชคดีที่บังเอิญมีใครบางคนอาศัยอยู่ตึกเดียวกับโครลล์พบชิ้นส่วนลำไส้ของมนุษย์ติดค้างอยู่ในท่อประปา ซึ่งมาสืบพบภายหลังว่ามันเกิดจากการที่โครลล์ได้ทำการแล่เนื้อของเหยื่อเพื่อทำอาหารประทังชีวิต

อันดับที่ 5 จอห์น เวย์น เกซี่
เขาเป็นที่รู้จักกันในนามฆาตกรตัวตลก เขาเคยถูกจับกุมมาก่อนในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กชายวัยรุ่นสองคน แต่ตอนหลังก็ถูกปล่อยตัว หลังจากนั้นเขาก็ชอบแต่งตัวเป็นตัวตลกอาสาเข้าร่วมในขบวนพาเหรดต่างๆ ก่อนที่จะถูกตามสืบพบว่าเขาได้สังหารเด็กหนุ่มไปแล้วถึง 33 ราย และฝังศพเหยื่อในสนามของเขาที่ติดริมแม่น้ำ จอห์น เวย์น เกซี่ ยังได้วาดภาพตัวตลกที่สื่อความเป็นตัวตนของเขาไว้มากมาย และสุดท้ายเขาก็ถูกตัดสินให้ประหารชีวิตในที่สุด

อันดับที่ 4 ลูอิส การาวีโต้
เรื่องราวของเขาเกิดขึ้นที่โคลัมเบีย และต่อมาก็ถูกนำมาเป็นหัวข้อในการถกเถียงและทำเป็นสารคดีหลายต่อหลายครั้ง เขาถูกจับในปี 1999 และได้ถูกตัดสินลงโทษจากการที่เขาได้ทำการฆาตกรรมเด็กไปแล้วอย่างน้อย 140 ราย ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องระวางโทษจำคุกหลายร้อยปีเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่ระบบนิติธรรมในโคลัมเบียนั้นมีโทษจำคุกสูงสุดเพียงแค่ 30-40 ปีเท่านั้น ประกอบกับการที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เขาได้แสดงให้เห็นว่าเขาได้สำนึกผิดแล้ว โทษของเขาก็เลยเหลือแค่จำคุกเพียง 22 ปีเท่านั้น จึงเป็นสาเหตุให้ประชาชนออกมาเรียกร้องไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

อันดับที่ 3 ปีเตอร์ ซัดคลิปป์
รู้จักกันในนามนักข่มขืนแห่งยอร์คเชียร์ เขาก่อคดีมากว่า 5 ปี และทำการฆาตกรรมผู้หญิงไปแล้วกว่า 3 คน ในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 เหยื่อของเขาส่วนใหญ่เป็นโสเภณี ปีเตอร์สังหารเหยื่อโดยการทุบและแทงก่อนที่จะข่มขืน เขาได้ถูกนำตัวขึ้นศาลด้วยข้อหาขับรถฝ่าไฟแดง แล้วตำรวจจำป้ายทะเบียนของเขาได้

อันดับที่ 2 อันเดร ชิกาทิโล
หนึ่งในฆาตกรที่อื้อฉาวที่สุดของโลกจากยูเครน ฆาตกรต่อเนื่องคนนี้มีพฤติกรรมทางเพศที่แปลกมาก  เขาสามารถสำเร็จความใคร่ได้ด้วยการแทงหรือปาดคอเหยื่อ แทนที่จำทำการข่มขืนพวกเขาจริงๆ เขาใช้เวลากว่า 25 ปีที่เป็นอิสระทำการสังหารผู้คนกว่า 50 ราย ในช่วงศตวรรษที่ 19 ก่อนที่จะถูกจับกุม และถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า ขณะมีอายุได้ 57 ปี

อันดับที่ 1แกรี่ ริดจ์เวย์
ทุกคนรู้จักเขาในนามนักฆ่าแห่งแม่น้ำกรีน เขาสังหารเหยื่อที่เป็นผู้หญิงไปแล้ว 70 ราย ภายในช่วงระยะเวลา 10 ปี เขาเลือกเหยื่อที่ส่วนใหญ่เป็นโสเภณี แล้วก็จัดการฆ่าบีบคออย่างเลือดเย็น และเลือกที่จะทิ้งเหยื่อที่แม่น้ำกรีน จึงเป็นที่มาฉายาของเขา เขาสามารถหลบหนีการตามล่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เป็นเวลานานทีเดียว ก่อนที่จะโดนจับได้ในปี 2001



Re: อ่านการ์ตูนออนไลน์ ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2019, 11:36:26 pm
เบลล์ กันเนส ฆาตกรหญิงสุดโฉด แม่ม่ายผู้เหี้ยมโหดแห่งอเมริกา

เรื่องราวทุกๆ อย่างในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องนี้ ค่อยๆ ถูกเปิดเผยขึ้นมา ในเดือนเมษายนของปี 1908 ที่บ้านฟาร์มแห่งหนึ่งในเมืองลาพอร์เต้ รัฐอินเดียนน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา

เช้าวันหนึ่งที่นายแม็กซอนโจ คนงานของฟาร์มได้ตื่นขึ้นมา เขาได้กลิ่นไหม้ตัวบ้าน จึงได้รีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะกลิ่นเหม็นไหม้นี้ไม่น่าจะใช่กลิ่นทำอาหารเช้าของนายจ้างหญิงนามว่า เบลล์ กันเนส ที่กำลังเตรียมอาหารสำหรับลูกๆ เป็นแน่ หากแต่ว่านี่เป็นกลิ่นเผาไหม้ของยางรถยนต์ที่แสบหูแสบตาจนเกินจะทนได้

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือบ้านกำลังตกอยู่ในกองเพลิง แม็กซอนพยายามหนีออกจากห้อง แต่ประตูกลับถูกล็อกจากด้านนอก เขาพุ่งกระแทกตัวเข้าใส่บานประตูอย่างรุนแรงพร้อมกับคิดว่าถ้าไม่สามารถออกทางประตูได้ เขาอาจจำเป็นจะต้องกระโดดออกทางหน้าต่าง แต่ในที่สุด แม็กซอนก็หนีออกมาจากห้องจนได้ เขาได้วิ่งลงบันไดผ่านห้องโถง พลางร้องเรียกคุณนายเบลล์ให้ได้รับรู้ว่าขณะนี้บ้านกำลังถูกเพลิงไหม้ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เลย แม็กซอนยังพยายามวิ่งตามหาคนอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านจนทั่ว แต่เขากลับไม่พบกับสมาชิกคนอื่นในบ้านเลย ขณะเดียวกันเปลวเพลิงก็ได้โหมกระหน่ำลุกไหม้จนลามไปทั่วบ้านอย่างรวดเร็ว เขาจึงจำเป็นที่ต้องวิ่งหลบออกมานอกบ้านเพื่อความปลอดภัย

ที่นอกบ้าน แม็กซอนก็ยังไม่พบกับคุณนายเบลล์และลูกๆ ของเธออยู่ดี ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปในเมืองเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้คนแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านอีกครั้งก็พบว่า บ้านทั้งหลังถูกไฟเผาวอดวายจนเหลือแต่เสาไปแล้ว จนเมื่อนายอำเภอ พนักงานดับเพลิง และอาสาสมัครได้มาถึงที่เกิดเหตุ สภาพที่เหลืออยู่หลังไฟมอดลงนั้น ก็ได้มีการพบศพในที่เกิดเหตุ ประกอบไปด้วยร่างของเด็กๆ 3 คน ทั้งหมดเป็นลูกของคุณนายเบลล์ และยังมีศพของผู้ใหญ่อีกหนึ่งศพ เป็นศพของผู้หญิงที่ถูกตัดหัว ซึ่งทั้งสี่ศพนี้ถูกพบรวมกันอยู่ที่ชั้นใต้ดินของบ้าน ตำรวจจึงคาดว่าศพที่ไร้หัวนี้จึงน่าจะเป็นศพของคุณนายเบลล์

แต่ความร้ายกาจจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่นี้ กลายเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยไปในทันที หากเทียบกับชีวิตของคุณนายเจ้าของฟาร์ม เบลล์ กันเนส และเหตุการณ์นี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการตรวจสอบย้อนหลังชีวิตของเธอ ที่ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงว่า เธอเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีการตายปริศนาของใครๆ อีกหลายคนในประเทศสหรัฐอเมริกา จนสามารถเรียกได้ว่าทุกที่ที่หญิงสาวชาวนอร์เวย์คนนี้ได้เคยผ่านไป ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเธอมักจะมีจุดจบของชีวิตในแบบที่ไม่ตายดีทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นสามี ชายที่มาติดพันหรือแม้กระทั่งลูกๆ ของเธอเอง และประวัติชีวิตของเธอทั้งหมดจึงทำให้ชื่อของเบลล์ กันเนสต้องถูกจารึกเอาไว้ว่าเป็นผู้หญิงที่ฆ่าคนมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา

สาเหตุของไฟไหม้นั้นสันนิษฐานว่าเกิดจากฝีมือของนางเบลล์ที่ได้วางเพลิงเพื่อชิงฆ่าตัวตายไปก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนในคดีอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวพันกับเธอ แต่การตายของเธอก็ยังมีปริศนาให้ขบคิดอีกมากมายตามมา จนทำให้กลายมาเป็นตำนานอันน่าสะพรึงกลัวที่หลายคนยากจะลืมเลือนจนถึงปัจจุบัน

เบลล์ กันเนสเป็นฆาตกรต่อเนื่องหญิงชาวนอร์เวย์ ซึ่งได้ฆ่าผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเธอในอิลลินอยส์และอินเดียนน่าระหว่างปี 1900-1908 โดยจำนวนของผู้ที่ต้องตกเป็นเหยื่อนั้นคาดว่าน่าจะมีมากกว่า 40 ราย เธอเต็มใจที่จะฆ่าทุกคนเพียงเพื่อหวังประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองหรือเงินประกัน


เรื่องราวประวัติชีวิตของเบลล์ กันเนสถูกนำมาเผยแพร่มากมาย จนไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเรื่องไหนบ้างที่เป็นเรื่องจริง แต่อย่างน้อยที่สุดเรื่องราวที่พอจะรู้แน่ชัดก็เช่น ชื่อเดิมของเธอคือ Brynhild Poulsdatter St?rset  เกิดวันที่ 22 พฤศจิกายน ปี 1859 ที่ประเทศนอร์เวย์ ในเมืองแห่งหนึ่งใกล้ทะเลสาบเซลบู (Lake of Selbu) พ่อของเธอมีอาชีพเป็นช่างก่อหิน และเธอเป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 8 คน ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆ ในฟาร์มที่เซลบู 60 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงใต้ของทรอนด์เฮม (Trondheim)

บรินไฮลด์ หรือ เบลล์ เป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างใหญ่โตแข็งแรง สูงประมาณ 183 เซ็นติเมตร หนักประมาณ 90 กิโลกรัม แต่ด้วยผมสีบลอนด์อ่อนนุ่มพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ดูสดใส ดวงตาสีฟ้าที่ส่องเป็นประกาย ทำให้เธอมีเสน่ห์ทางเพศมากพอสมควร สารคดีทางโทรทัศน์ของนอร์เวย์ที่ออกอากาศเมื่อปี 2006 ได้เล่าถึงเรื่องราวชีวิตของเบลล์ กันเนสไว้ว่า ในปี 1877 เบลล์ได้ไปร่วมงานเทศกาลประจำปี ในระหว่างที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเธอไม่ยอมเปิดเผยว่าใครเป็นพ่อเด็ก ภายในงานเทศกาล เธอถูกทำร้ายร่างกายโดยผู้ชายคนหนึ่ง อีกทั้งยังถูกเตะเข้าไปที่ช่องท้องอย่างรุนแรงจนเธอถึงกับต้องแท้งลูก แต่เพราะชายคนดังกล่าวมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอิทธิพล เขาจึงไม่ถูกดำเนินคดีในชั้นศาลแต่อย่างใด ความเคียดแค้นทั้งหมดจึงปะทุขึ้นอย่างรุนแรงภายในจิตใจของเธอ และนับจากนั้นเป็นต้นมาจากหญิงสาวผู้สดใสกลับมีบุคลิกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด แล้วในเวลาต่อมาชายคนที่ทำร้ายร่างกายเธอก็ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร

ด้วยสภาพครอบครัวที่อัตคัตยากจน บรินไฮลด์จึงต้องไปทำงานในฟาร์มใหญ่ ไม่ไกลจากละแวกบ้านอยู่นานถึงสามปี จนเธอเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งเพื่อใช้เป็นค่าเดินทางด้วยเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสำหรับการออกเดินทางไปแสวงโชคยังประเทศอเมริกาในปี 1881 จนเมื่อเธออพยพมาอยู่อเมริกาแล้วจึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น เบลล์ กันเนส ในช่วงแรกเธอทำงานเป็นคนรับใช้ตามบ้าน แต่ด้วยความทะเยอทะยานของเธอนั้น จะไม่ยอมหยุดเป็นเพียงคนรับใช้แน่ๆ ครั้งหนึ่งคนในครอบครัวของเธอได้ให้คำนิยามง่ายๆ สำหรับผู้หญิงคนนี้ไว้ว่า เธอเป็นผู้หญิงบ้าเงิน

ในปี 1884 เบลล์ได้แต่งงานกับแมดส์ อัลเบิร์ต โซเรนเซน  (Mads Albert Sorenson) ในชิคาโก้ แล้วอีกสองปีต่อมา ทั้งคู่ก็ช่วยกันเปิดร้านขนมขึ้นมาในรัฐเท็กซัส แต่ธุรกิจกลับไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งปีถัดมา ร้านขนมของเธอก็เกิดเหตุไฟไหม้ปริศนา ซึ่งเบลล์ให้การว่าตะเกียงน้ำมันก๊าดล้ม และมันก็เริ่มติดไฟจนลุกลามไปทั่ว หากแต่ว่าตะเกียงน้ำมันก๊าดที่เธอได้อ้างถึงนั้นหาไม่พบในที่เกิดเหตุเลย แต่อย่างไรก็ตามบริษัทประกันก็ได้จ่ายเงินก้อนโตให้กับเบลล์ และเธอก็ได้นำเงินก้อนนั้นไปซื้อบ้านหลังใหม่ที่ชานเมืองย่านออสติน แต่แล้วในปี 1888 บ้านหลังใหม่ของเบลล์ที่ออสตินก็เกิดเหตุการไฟไหม้ขึ้นอีกครั้ง ทำให้เบลล์ได้รับเงินประกันก้อนใหญ่อีกก้อนเพื่อนำไปใช้สำหรับการหาซื้อบ้านหลังใหม่

เบลล์มีลูกกับโซเรนเซน 4 คนคือ แคโรไลน์ แอคเซล เมียร์เทิล และลูซี่ แต่หนูน้อยแคโไลน์ และแอคเซลนั้นต้องตายไปตั้งแต่อยู่ในวัยทารกด้วยอาการป่วยเฉียบพลัน ทั้งคลื่นไส้ มีไข้ ท้องเสีย ปวดท้อง และเป็นตะคริว อาการทั้งหลายนี้เหมือนกับอาการของคนที่ถูกวางยาพิษ และไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดใดๆ อาจเป็นเพราะว่าแม้แต่ผู้เป็นแม่ก็ยังยืนยันว่านี่เป็นการป่วยฉับพลันและไม่ได้ติดใจในสาเหตุของการเสียชีวิตของลูกๆ อย่างไรก็ตามการตายของลูกๆ ทำให้เบลล์ได้รับเงินจากบริษัทประกันอีกเช่นเคย

แล้วในวันที่ 30 กรกฎาคม ปี 1900 โซเรนเซนผู้เป็นสามีของเบลล์ก็ได้เสียชีวิตลง โดยแพทย์คนแรกที่ได้ทำการชันสูตรลงความเห็นว่า เขาตายเพราะพิษยาเบื่อ แต่ทางแพทย์ประจำครอบครัวยืนยันว่าเขาเสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจล้มเหลว โดยเบลล์ให้การว่าเธอให้เขากินยาไปเล็กน้อย เพื่อให้เขารู้สึกดีขึ้นจากอาการป่วยเท่านั้นเอง การตายของผู้เป็นสามีทำให้เบลล์ได้รับเงินประกันชีวิตไปถึง 8,500 ดอลล่าร์ แต่หลังงานศพของสามี เหล่าญาติๆ ฝั่งของโซเรนเซนสงสัยว่า เบลล์วางยาพิษเขาเพื่อหวังเอาเงินประกัน จึงเรียกร้องให้มีการพิจารณาคดี แต่หลักฐานต่างๆ นั้นกลับไม่มีความชัดเจน  เบลล์จึงรอดพ้นจากการถูกสั่งฟ้อง ทำให้เบลล์ยังลอยนวลอยู่ได้อย่างสบายอกสบายใจ

เบลล์นำเงินประกันก้อนนี้ไปซื้อบ้านใหม่เป็นฟาร์มแห่งหนึ่งนอกเมืองลาพอร์ทเต้ รัฐอินเดียนน่า โดยเธอและลูกๆ ได้พากันย้ายไปอยู่ที่นั่นในปี 1901 แต่ถึงกระนั้นความละโมบโลภมากของเบลล์ ที่เปรียบเสมือนบ่อน้ำไร้ก้นที่ไม่มีวันจะเติมเต็ม เธอจึงยังคงหาเหยื่อเพื่อผลประโยชน์ต่อไปให้ได้มากที่สุด

เมษายน 1902 เบลล์ได้แต่งงานกับสามีคนใหม่ที่มีชื่อว่าปีเตอร์ กันเนส ที่เป็นพ่อม่ายลูกติดชาวนอร์เวย์ และมีอาชีพเป็นพ่อค้าเนื้อ เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากพิธีแต่งงาน ลูกสาววัยทารกของปีเตอร์ก็ตายลงอย่างน่าเคลือบแคลงใจ เพราะในวันเกิดเหตุ เบลล์เป็นคนเดียวที่อยู่กับทารกน้อยผู้นี้ แล้วในเดือนธันวาคมของปีเดียวกันนั้นเอง ปีเตอร์ก็ต้องประสบอุบัติเหตุอย่างน่าอนาถ เมื่อเบลล์อ้างว่าอุปกรณ์ใบมีดของเครี่องบดเนื้อสำหรับการทำไส้กรอกตกลงมาจากชั้นวางที่สูงหล่นลงมาใส่ศรีษะของปีเตอร์ ทำให้กะโหลกศรีษะแตกและเสียชีวิตทันที เป็นอีกครั้งที่ทางเบลล์ได้รับเงินประกันชีวิตของสามี โดยครั้งนี้เธอได้รับเงินไปจำนวนถึง 4,000 ดอลล่าร์

แต่คนในท้องถิ่นที่รู้จักมักคุ้นกับปีเตอร์ดีนั้น ไม่มีใครอยากจะเชื่อว่า เขาจะพลาดพลั้งจนต้องมาตายอย่างน่าอนาถขนาดนี้ อีกทั้งปีเตอร์ก็ยังเป็นที่รู้จักดีในฐานะพ่อค้าเนื้อที่มีประสบการณ์สูงและยังเป็นผู้ที่มีทรัพย์สินสะสมเอาไว้อยู่มากมาย ด้วยความน่าสงสัยในหลายๆ ประเด็น ประกอบกับเมื่อเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพได้ทำการตรวจสอบและประกาศผลอย่างเป็นทางการว่า ปีเตอร์ถูกฆาตกรรม ทำให้เบลล์กันเนสต้องถูกนำตัวขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดี

ลูกบุญธรรมคนหนึ่งของเบลล์ชื่อ เจนนี่ ออร์สัน อายุ 14 ปี เธอได้เคยเล่าให้เพื่อนร่วมชั้นฟังว่า แม่ฆ่าพ่อ แม่ตีพ่อด้วยใบมีดบดเนื้อหลายสิบครั้ง จนพ่อต้องตาย และยังได้กำชับกับเพื่อนของเธออีกว่า อย่านำเรื่องนี้ไปบอกกับใคร และด้วยเหตุนี้ทำให้ต่อมา เจนนี่ต้องถูกนำตัวมาขึ้นให้การต่อหน้าคณะลูกขุน แต่คำให้การของเธอดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก อีกทั้งระหว่างที่เจนนี่กำลังขึ้นให้การ ก็ยังมีสายตาของเบลล์ที่กำลังจับจ้องเธอ ราวกับว่าจะกินเลือดกินเนื้อ ในระหว่างที่กำลังมีเรื่องมีราวเป็นคดีความกันอยู่นั้น เบลล์กำลังตั้งครรภ์ฟิลิปอยู่พอดี เธอจึงได้ใช้โอกาสนี้ขอความเห็นใจจากศาลให้สงสารเธอในฐานะแม่ม่ายที่ต้องเลี้ยงดูลูกๆ อีกหลายคนด้วยความยากลำบาก ซึ่งก็ได้ผล เหตุผลนี้ทำให้คณะลูกขุนเริ่มเอนเอียงมาทางเธอ จนในที่สุดแล้วเธอก็สามารถรอดพ้นจากข้อกล่าวหาทั้งหมดได้

แต่แล้วในวันหนึ่ง โชคชะตาก็ได้นำพาหญิงโฉดกับชายชั่วให้ได้มาเป็นคู่รักซ่อนเร้น สมรู้ร่วมคิดช่วยกันก่อคดีฆาตกรรม โดยเบลล์ได้ว่าจ้างให้ รอยแลมเฟียร์ มาทำงานในฟาร์มในปี 1906 และในปีเดียวกันนั้นเอง เจนนี่ ออร์สัน ลูกบุญธรรมของเบลล์ก็หายสาบสูญไป

ถ้าหากมีใครมาทำไถ่ถึงเจนนี่ เบลก็มักจะบอกว่า เธอส่งเจนี่เข้าไปอยู่ในโรงเรียนประจำใน Los Angeles ทั้งทั้งที่แท้จริงแล้ว เด็กหญิงเจนนี่ได้ถูกแล้วฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม และศพของเธอก็ถูกฝังเอาไว้ในฟาร์มนั้นเอง เบลมักจะคิดแผนการหาเงินก้อนโตอยู่เรื่อยๆ และแผ่นการใหม่ที่เธอคิดออกก็คือ การลงโฆษณาแทรกในหนังสือพิมพ์ Chicago หรือหนังสือพิมพ์ของเมืองใหญ่ๆโดยมีเนื้อหาว่า แม่หม้ายสาวงามผู้เป็นเจ้าของกิจการใหญ่ ที่ดีที่สุดในเขตลาพอร์เต้ รัฐอินเดียน่า ต้องการคบหากับสุภาพบุรุษที่มีฐานะดี และมีมุมมองที่กว้างไกล ขอเพียงแค่ให้เราได้มาเยี่ยมเยือนกันดูสักครั้ง เพื่อพูดคุยกันเรื่องธุรกิจของสองเรา ในแบบเป็นการส่วนตัว และเมื่อมีคนตอบรับ เบลก็จะคัดเลือกจดหมาย โดยเลือกจากคนที่มีฐานะดี ที่ไม่มีญาติพี่น้อง และเธอมักจะชักชวนให้เหยื่อผู้นั้น เดินทางมาหาเธอที่ฟาร์ม พร้อมกับให้นำเงินจำนวนมากติดตัวมาด้วย เพื่อเป็นการมัดจำสำหรับการทำธุรกิจร่วมกับเธอ

มีชายวัยกลางคนที่หลงเชื่อกับคำโฆษณานี้มากมาย โดยหนึ่งในนั้นคือจอห์น มู ที่เดินทางมาจากวิสคอนซิน รัฐมินนิโซตา เขาเป็นชายวัย 50 ปีที่มีสุขภาพแข็งแรง และยังนำเงินติดตัวมาด้วยมากกว่า 1000 ดอลลาร์ จนเมื่อเขามาพบกับเบล จอห์นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหยื่อรายถัดไปคือ จอร์ชแอนเดอร์สัน ผู้อพยพชาวนอร์เวย์ ที่เดินทางมาจากมิสซูรี เพื่อมาหาเบล ตามที่เธอได้ลงโฆษณาเอาไว้ ซึ่งในตอนแรกนั้น เขาไม่ได้นำเงินทั้งหมดติดตัวมาด้วย เพราะเขาอยากเห็นเบลตัวจริงก่อนที่จะตัดสินใจ แต่เมื่อเขาเห็นตัวจริงก็ได้พบว่า เบลเป็นแม่หม้ายวัยใกล้ 40 ที่ไม่ได้สวยงดงาม อย่างที่เธอตั้งเอาไว้ในโฆษณาเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีรูปร่างใหญ่โต แถมยังมีผิวพรรณหยาบกร้านตามแบบฉบับของหญิงชาวไร่ หากแต่ว่าเสน่ห์ที่แท้จริงของเบลที่มัดใจชายมาแล้วมากมายก็คือ  เธอเป็นคนพูดเก่ง และมีความอ่อนหวาน อีกทั้งยังให้การดูแลต้อนรับจอร์จอย่างดี จึงทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจได้อย่างประหลาด นางจึงทำให้จอร์จเกิดความเชื่อใจ และตัดสินใจที่จะกลับไปยังมิสซูรี เพื่อนำเงินก้อนโตมาทำธุรกิจร่วมกับเธอ ไม่เพียงเท่านั้น จอร์จยังคิดที่จะแต่งงานจริงจังกับเบลอีกด้วย

แต่ในค่ำคืนนั้นเอง จอร์จที่ได้ค้างคืนที่บ้านของเบล ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก และพบเห็นเบลกำลังยืนอยู่ข้างเตียง โดยทีถ้าอาการของเธอนั้นดูแปลกไป ในแววตามีแต่ความน่ากลัว จนถึงขนาดที่ทำให้เขารู้สึกขนลุก แล้วสัญชาตญาณบางอย่างก็เตือนให้จอร์จ ตัดสินใจหนีออกมา จากบ้านของเบล เขาออกเดินทางกลับมาที่มิสซูรี ในคืนนั้นทันที โดยไม่คิดจะกลับมาที่นั่นอีกเลย

ในระยะหลังเพื่อนบ้านหลายคนให้การว่า พวกเขาเคยผ่านไปเห็นเบลล์ขุดดินในเล้าหมูกลางดึก และยังมีผู้พบเห็นว่า รอย แลมเฟียร์ คู่หมั้นของเบล ออกมาแต่เวรขุดหลุมกลางดึกทั่วบริเวณฟาร์ม

โอเล บี. บัดส์เบิร์ก (Ole B. Budsberg) เป็นเหยื่ออีกรายที่ได้เดินทางมาหาเบลล์จนถึงฟาร์มกันเนส พ่อหม้ายสูงวัยจากรัฐวิสคอนซินผู้นี้ ถูกพบเห็นว่ามีชีวิตอยู่ครั้งสุดท้ายที่ธนาคาร ในลาพอร์เต้ ระหว่างที่เขากำลังถอนเงินสดหลายพันดอลลาร์จากบัญชีของตัวเอง เมื่อวันที่ 6 เมษายนปี 1907 และหลังจากที่เขาหายสาบสูญไป ออสก้ากับแมทธิว บุตรชายทั้งสองของเขาก็ได้พยายามออกตามหาพ่อ จนได้ทราบว่าพ่อของพวกเขา ติดต่อกับเบลล์เป็นคนสุดท้าย พวกเขาได้ส่งจดหมายไปหาเบลลเพื่อถามถึงพ่อ แต่เบลล์ก็รีบตอบกลับมาทันทีว่า เธอยังไม่เคยได้พบพ่อของพวกเขาเลย

ปี 1907 แอนดรู เฮลเกเลียน (Andrew Helgelien) ชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง ที่เคยปรากฏตัวอยู่ที่ลาพอร์เต้ ก็มาหายตัวไปในฟาร์มกันเนสช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งเขาเป็นเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ในเซาท์ดาโกตา ที่ได้เขียนจดหมายถึงเบลล์และได้รับข้อความตอบกลับมาที่สุดแสนหวานว่า ถึงเพื่อนผู้ที่น่ารักที่สุดในโลก ไม่มีผู้หญิงคนใดจะโชคดีไปมากกว่าฉันผู้นี้อีกแล้ว ฉันรู้ว่าคุณกำลังมาหาฉัน และจะมาเป็นของฉัน ฉันสามารถรับรู้ได้ในทุกตัวอักษรของคุณ ว่าคุณเป็นคนที่ฉันต้องการ มันไม่ยากเลยที่จะเลือกคุณ ฉันชอบคุณมากกว่าใครๆบนโลกใบนี้ ฉันรู้วิธีที่จะทำให้เรามีความสุขด้วยกัน คุณคือคนที่สุดแสนหวานที่สุดในโลก แล้วเราจะได้อยู่ด้วยกัน ใครจะคิดอย่างไรก็ตามแต่ แต่สำหรับฉันแล้ว คุณมีคุณค่าที่สุด ลูกๆของฉันก็รักคุณ และฉันยังได้ยินเสียงตัวเองกำลังฮัมเพลงรักเก่าๆ มันช่างเป็นดนตรีที่แสนไพเราะสวยงาม ที่มันกำลังก้องอยู่ในหูของฉัน หัวใจของฉันกำลังเต้นรำด้วยความปลาบปลื้มใจ คุณเฮลเกเลียนของฉัน ฉันรักคุณ คุณคือที่พักทางใจสำหรับฉันตลอดไป

หลังจากที่เฮลเกเลียนได้อ่านจดหมายของเบลล์ เขาก็มุ่งหน้าไปหาเธอในช่วงเดือนมกราคมปี 1908  พร้อมกับเช็คเงินสดมูลค่า 2,900 ดอลล่า แล้วทุกอย่างก็เป็นไปเหมือนเช่นเคย ที่อีกแค่ไม่กี่วันต่อมา เฮลเกเลียนก็ต้องหายสาปสูญไป ส่วนเบลล์กลับไปปรากฏตัวอยู่ที่ธนาคารในลาพอร์เต้ เพื่อที่จะเบิกเงินสดออกจากบัญชีของเฮลเกเลียน เป็นจำนวนรวม 1,200 ดอลลาร์ จากธนาคาร 2 แห่ง ซึ่งหลังจากเกิดเหตุไม่นาน มีการค้นพบจดหมายฉบับหนึ่งที่ฟาร์มของเฮลเกเลียน ซึ่งได้ลงวันที่เอาไว้เมื่อ 13 มกราคม 1908

วันเวลาที่ผ่านไป เบลล์เริ่มมีปัญหากับรอย แลมเฟียร์ คนรักซ่อนเร้นที่อยู่ในสถานะของลูกจ้าง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเบลล์นั่นเอง และตอนนี้แลมเฟียร์กำลังจะกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่งในชีวิตของเบลล์ ยิ่งนานวันแลมเฟียร์ก็ยิ่งเพิ่มความรักความลุ่มหลงในตัวเบลล์มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาเริ่มเข้ามายุ่งย่ามกับชีวิตของเธอ อีกทั้งเขายังเป็นคนขี้หึงขี้อิจฉา โดยเฉพาะกับพวกผู้ชายที่ทยอยเข้ามาในฟาร์มของเบลล์ โดยเขามักจะแสดงท่าทีถึงหวงไม่พอใจ เหมือนกับจะแสดงว่า เขานั้นเป็นเจ้าของตัวจริงของเบลล์ ซึ่งเพราะความก้าวก่ายวุ่นวายของเขา ทำให้เบลต้องตัดสินใจไล่แลมเฟียร์ออกไปเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 1908 ทั้งที่ยังมีความกังวลอยู่ว่า เขาอาจจะเอาความลับของเธอไปเปิดเผย ดังนั้นเพื่อป้องกันปัญหาก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง เธอจึงมุ่งตรงไปยังสถานีตำรวจท้องถิ่น แล้วแจ้งความไว้ว่าแลมเฟียร์มีอาการเสียสติ และจะทำอันตรายแก่เธอได้
แลมเฟียร์จึงถูกนำตัวมาสอบสวน และถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้เบลล์ แต่หลายวันหลังจากนั้น เบลล์ก็มายังสถานีตำรวจอีกครั้ง โดยเธอบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า แลมเฟียร์ ยังคงตามเธอมาที่ฟาร์ม ทำให้เขาถูกจับตัวเอาไว้ในข้อหาบุกรุก

แต่ปัญหาของเบลก็ไม่ใช่ว่าจะจบสิ้นเพียงเท่านี้ เมื่อเฮลเกเลียน ซึ่งเป็นเหยื่อที่เธอคิดว่าเขาไม่มีญาติพี่น้อง แต่กลับปรากฏว่าเขามีน้องชายที่ชื่อว่าเอลเซ่ น้องชายของเขายังเคยได้รับจดหมายด้วยว่าเขากำลังจะแต่งงานกับแม่หม้ายที่ลาพอร์เต้ เมื่อเอลเซ่ถามเบลล์เกี่ยวกับการหายตัวไปของพี่ชาย เบลรีบบอกว่า เฮลเกเลียนไม่ได้มาหาเธอ น้องชายของเฮลเกเลียนจึงได้รวบรวมคนเพื่อออกตามหาพี่ชาย แต่เบลล์ก็พูดดักทางไว้ว่า การตามหาคนสูญหายนั้นต้องใช้ค่าใช้จ่ายมาก หากจะให้เธอช่วยตามหาก็ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายให้เธอด้วย ซึ่งเอลเซ่ก็ได้ตอบตกลงและวางแผนว่าจะ้ดินทางไปที่ลาพอร์เต้ในเดือนพฤษภาคม

หากมีคนจำนวนมากช่วยกันออกตามหา เรื่องทั้งหมดที่เธอได้เคยทำไว้ก็จะถูกเปิดเผยขึ้นได้ง่ายๆ เบลล์จึงได้วางแผนหาทางออกให้กับปัญหาเหล่านี้ เธอคิดจะใช้แลมเฟียร์ในการเอาตัวรอด เธอต้องการสร้างแรงจูงใจให้ทุกคนมุ่งเป้าไปที่แลมเฟียร์ และทำให้ทุกคนเชื่อว่าเขาคือคนร้าย เบลเดินทางไปพบกับทนายในตัวเมืองโดยอ้างว่า เธอกำลังถูกแลมเฟียร์ตามรังควาน อีกทั้งยังได้ข่มขู่ว่าเขาจะฆ่าเธอ และยังจะเผาบ้านของเธออีกด้วย นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตของเธอ และพวกลูกๆ และด้วยปัญหานี้ เธอจึงขอทำพินัยกรรมทั้งหมดที่มีอยู่มอบให้กับลูกๆทั้งสามคน ในกรณีที่เธอต้องมีเหตุใดๆจนถึงขั้นต้องเสียชีวิต หลังจากนั้นเธอก็เดินทางไปแจ้งความด้วยข้อมูลลักษณะแบบนี้ที่สถานีตำรวจ จากนั้นเบลล์ก็ไปทำการถอนเงินสดทั้งหมดออกจากธนาคาร เพื่อเตรียมการอะไรบางอย่าง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่เบลล์จะใช้วิธีการลอบวางเพลิงเผาบ้านของตัวเองจนวอดวาย

โจ แม็กซ์สัน เป็นลูกจ้างที่เบลจ้างมาทำงานในฟาร์ม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 1908 ซึ่งราว 2 เดือนหลังจากนั้นในช่วงวันที่ 28 เมษายน เขาก็ได้ตื่นขึ้นมาเนื่องจากได้กลิ่นเหม็นไหม้ที่ห้องชั้นสองซึ่งเป็นส่วนของบ้านของคุณนายเบลล์ โจ แม็กซ์สันจนปัญญาที่จะดับไฟ จึงได้แต่วิ่งไปตามให้คนมาช่วย แต่กว่าที่ผู้คนจะมาถึง บ้านทั้งหลังก็วอดวายกลายเป็นกองฟืนไปหมดแล้ว

อ่านต่อที่นี่ เบลล์ กันเนส ฆาตกรหญิงสุดโฉด แม่ม่ายผู้เหี้ยมโหดแห่งอเมริกา




Re: อ่านการ์ตูนออนไลน์ ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2019, 11:36:45 pm
ประวัติศาสตร์กำแพงเมืองจีน (The Great Wall of China)



ประเทศจีนที่ซึ่งประวัติศาสตร์และตำนานสอดประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ จนบางครั้งมันเกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกเรื่องจริงออกจากนิทานในดินแดนที่สสารไม่จีรัง เหมือนหมอกยามเช้าในหุบเขาลุ่มแม่น้ำเหลือง กองหินมหึมาที่เรียกว่ากำแพงเมืองจีน โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินทันทีทันใดเหมือนมังกรหลับใหล หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของยุคโบราณและโลกปัจจุบัน ประวัติศาสตร์ของมันถูกห้อมล้อมด้วยเรื่องเล่าขานของเหตุการณ์นองเลือดและความบ้าคลั่ง มันถูกกล่าวว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นที่ยาวที่สุดในโลก มังกรหินขนาดมหึมาที่ขนาดของมันไม่เพียงแต่น่าเกรงขาม แต่ยังเป็นแนวคิดของมันเอง มันเป็นการเปลี่ยนสัญลักษณ์ของความอัปยศ ความขัดแย้งของชาติ เป็นหลักการทางจิตวิทยาและวัฒนธรรมของประเทศจีนสมัยใหม่ด้วย

กำแพงเมืองจีนกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างไม่เป็นทางการของประเทศจีนในปี 1972 เมื่อประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เดินเข้าไปในระหว่างการเยือนเพื่อเปิดสัมพันธ์ทางการฑูตกับประเทศจีน เขากล่าวว่า "ผมคิดว่าคุณต้องพูดได้ว่า มันต้องเป็นกำแพงอันยิ่งใหญ่ ถูกสร้างโดยคนของประเทศที่ยิ่งใหญ่" แต่ชาวจีนเองไม่รู้สึกภูมิใจกับมันเสมอไป มุมมองเดิมของจีนต่อกำแพงก็คือพวกเขาคิดว่า มันเป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาลที่กดขี่ ความอ่อนแอทางทหารและความไร้ประโยชน์ มันเป็นสัญลักษณ์ของการทนทุกข์ของชาวจีนภายใต้การปกครองแบบกดขี่ มันเริ่มขึ้นที่บริเวณภูเขาบรรจบกับทะเล ที่ชางไห่กวนและทอดยาวผ่านภาคเหนือของจีนไปจรดขอบทะเลทรายโกบี ก่อให้เกิดระบบที่เรียกว่ากำแพงยาวซึ่งกินระยะทางหลายพันไมล์ของดินแดนจีน และความสง่างามของมันได้รับการเฉลิมฉลองอย่างกว้างขวางทั้งในนิทานและในตำนาน

ถึงกระนั้นโลกตะวันตกก็ไม่ได้รับรู้ถึงการปรากฏอยู่ของกำแพงเมืองจีนเป็นเวลากว่า 1,500 ปี ที่ไม่น่าเชื่อก็คือ มันไม่ปรากฏอยู่ในภาพวาดของจีนสมัยนั้น หรือในบันทึกของมาโคโปโลตอนที่เขามาประเทศจีนในศตวรรษที่ 13 ในความเป็นจริงชาวจีนไม่ได้เรียกมันว่ากำแพงอันยิ่งใหญ่ จนกระทั่งศตวรรษที่ 20 ที่โลกตะวันตกหลงใหลมันจนตั้งชื่อนี้ให้ ในตอนต้นของศตวรรษที่ 20 เริ่มมีแนวคิดแบบตะวันตกที่สถาปนาให้กำแพงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของประเทศจีน และชาวจีนก็ยอมรับแนวคิดนี้ เพื่อให้มันกลายเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมสมัยใหม่ของประเทศจีน

ในปี 1908 นักเขียนและนักผจญภัย วิลเลี่ยม เอดการ์ กิล (William Edgar Geil) กลายเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่เดินทางตลอดแนวกำแพง ข้อสังเกตของเขาเป็นคำเชื้อเชิญมากกว่าคำชมเชย และคำประกาศอันน่าอับอายของเขาถูกนำมากล่าวซ้ำจนถึงปัจจุบันว่า "กำแพงเมืองจีนคือสัญลักษณ์แห่งยุคทองของจีน มันยาว 1,700 ไมล์ และเป็นสิ่งก่อสร้างฝีมือมนุษย์ที่มองเห็นด้วยตาเปล่าจากดวงจันทร์" ซึ่งจริงๆแล้วเราไม่สามารถเห็นกำแพงเมืองจีนได้จากดวงจันทร์ เรื่องราวนี้ถูกแพร่ออกไปตอนที่มีการขึ้นสู่อวกาศ และมันก็เป็นที่รู้กันดีในหมู่นักบินอวกาศ ในหมู่คนที่เคยออกไปอยู่ในอวกาศว่า คุณไม่สามารถเห็นกำแพงเมืองจีนได้จากอวกาศได้ และนักบินอวกาศมักจะบอกว่า มีคนไม่น้อยที่ถามคำถามนี้ แต่เรื่องเล่าอื่นๆยังคงอยู่และแทบไม่เคยได้รับการยืนยันจากวิทยาศาสตร์

มีการคำนวณทุกชนิดในศตวรรษที่ 19 ออกมาว่า คุณเอาหินทุกก้อนจากกำแพงมาเรียงใหม่ได้รอบเส้นศูนย์สูตร หรือว่ามันมีมวลเท่ากับบ้านทุกหลังในอังกฤษและสก็อตแลนด์ และเรื่องเหล่านี้ก็อยู่มาจนถึงในศตวรรษที่ 20 ตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกำแพงเมืองจีนก็คือ มันมีกำแพงเมืองจีนจริงหรือไม่ มันเต็มไปด้วยความสงสัยว่ากำแพงเมืองจีนเคยปรากฏอยู่ในฐานะแนวป้องกันชิ้นเดียวยาวต่อเนื่องข้ามภาคเหนือของประเทศจีน มันน่าจะเป็นกำแพงไม่ต่อเนื่องหลายชุดที่สร้างในเวลาต่างๆ กัน โดยผู้คนต่างๆ กัน เพื่อจุดประสงค์ต่างๆ กัน แล้วนำมาต่อกัน ปล่อยให้ผุพัง สร้างใหม่ และขยายออกในช่วงราวๆ 2,000 ปี เมื่อคนคิดถึงกำอพงเมืองจีน พวกเขาคงจะคิดถึงสิ่งก่อสร้างใหญ่โต ยาวต่อเนื่องกันหลายพันไมล์ข้ามประเทศจีน แน่นอนว่าความจริงมันต่างจากนั้นมาก กำแพงถูกสร้างเป็นชิ้นๆ ส่วนใหญ่แล้วมันไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าซากปรักหักพังทางโบราณคดีเลย และในพื้นที่ห่างไกลของจีนส่วนใหญ่มันก็ถูกทับถมไปแล้ว

ส่วนของกำแพงที่ถูกสร้างในราชวงศ์หมิงที่ยังเหลืออยู่ ส่วนที่พวกเขาสร้างในศตวรรษที่ 16 นั้นน่าทึ่งมาก มันเป็นกำแพงอิฐตันอยู่บนภูเขาสูงชันพร้อมด้วยหอสังเกตการณ์ และมันก็ยากมากที่จะจินตนาการว่าพวกเขาสร้างมันจนเสร็จได้อย่างไร สำหรับขนาดอันใหญ่โตและมิติอันหนักแน่นของมัน กำแพงเมืองจีนยังคงมีปริศนาซ่อนอยู่ มันไม่เคยได้รับการสำรวจอย่างทั่วถึง และแม้แต่ในปัจจุบัน ไม่มีใครแน่ใจถึงความยาวและเส้นทางแท้จริงของมัน ประวัติศาสตร์กำแพงเมืองจีนที่ตกมาถึงเรา คือการผสมผสานอันแปลกประหลาดของความจริงและจินตนาการ หลักฐานอันหนักแน่นเพียงเล็กน้อยหลอมรวมกับเรื่องเล่าขานและตำนาน และมันก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกมันออกจากกัน

ไม่เคยมีอารยธรรมใดที่ดูจะนิยมการสร้างกำแพงมากกว่าชนชาติจีนอีกแล้ว การตั้งถิ่นฐานครั้งแรกสมัยยุคหินกลางหรือนีโอลีธิก (Neolethics) ส่วนสำคัญของเมืองถูกล้อมรอบด้วยคันดินถม อันที่จริงแล้วคำว่าชางที่แปลว่าเมืองในภาษาจีนยังแปลว่ากำแพงอีกด้วย กำแพงเมืองจีนคือกำแพงซ้อนกำแพง กำแพงเมืองจีนเป็นส่วนปกป้องกำแพงที่ซ้อนกันอยู่ทั้งปวง รวมถึงกำแพงของบ้านพักอาศัยด้วย กำแพงเป็นส่วนลึกล้ำทางประวัติศาสตร์ของวัฒนธรรมจีน พวกเขาสร้างกำแพงล้อมรอบบ้านและวัด เทพเจ้าของกำปพงและอาคารมีอำนาจเหนือขอบเขตความเป็นและความตาย คนจีนสร้างกำแพงเพื่อระบุขอบเขตของพวกตน เพื่อป้องกันผู้แปลกหน้าจากที่ห่างไกล กำแพงในบางแห่งอาจมีความสำคัญในบางพิธีกรรมด้วย ประเทศจีนสมัยก่อนเป็นอาณาจักรที่ปราศจากความสงบ การที่ชนเผ่าเร่ร่อนทางเหนือและอาณาจักรข้างเคียงที่ตื่นตัวทุกครั้งเมื่อมีสัญญาณของความอ่อนแอ กำแพงจึงถูกมองว่าเป็นความจำเป็นทางยุทธศาสตร์

จนสิ้นศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล บริเวณที่กลายเป็นประเทศจีนได้ก้าวเข้าสู่ยุคของความขัดแย้งระหว่างรัฐที่ยาวนานถึง 500 ปี มันประกอบด้วยรัฐที่ปกครองด้วยระบบขุนนางและรัฐเล็กๆ ที่ปกครองด้วยระบบศักดินาที่มารวมตัวกันหลายแห่งมารวมตัวกันอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซึ่งมีอำนาจทางจิตใจและพิธีกรรมมากกว่าในทางปฏิบัติ จนถึงกลางศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล เกียรติยศและพันธไมตรีที่มอบให้จักรพรรดิต้องหลีกทางให้กับความเห็นแก่ตัวและการเข่นฆ่า มันคือช่วงสงครามระหว่างแคว้นที่ชาวจีนเริ่มสร้างกำแพงขึ้นอย่างจริงจัง แคว้นฉีสร้างกำแพงขึ้นตามแนวชายแดนด้านใต้เพื่อป้องกันศัตรูจากแคว้นฉู แคว้นฉูสร้างกำแพงตามแนวชายแดนด้านเหนือเพื่อป้องกันตนเองจากแคว้นฉิน แคว้นเยนและแคว้นเฉาสร้างกำแพงเพื่อป้องกันตนเองจากพวกเร่ร่อนทางเหนือและจากกันและกัน กำแพงมีความยาวทั้งหมดประมาณ 2,800 ไมล์ กำแพงถูกสร้างขึ้นตามแนวชายแดนของแคว้นต่างๆ ที่ทำสงครามกัน

ในยุคหนึ่งมีแคว้นต่างๆ ถึง 120 แคว้น เมื่อถึงช่วงสูงสุดของสมัยสงครามระหว่างแคว้น และมีเพียง 7 แคว้นที่เหลืออยู่ มีการทำลายแคว้นเล็กๆ มากมายทั่วทั้งประเทศจีน ที่หลงเหลือมาจากสมัยสงครามระหว่างแคว้นคือ ปรัชญาชีวิตหลักของจีนที่เริ่มก่อตัวขึ้น ขณะที่มีผู้มีความรู้พยายามคิดว่า สิ่งใดผิดพลาดและจะแก้ไขมันอย่างไร ในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล ขงจื๊อเห็นถึงความจำเป็นในการเคารพกฎและความสำคัญระหว่างมนุษย์และสวรรค์อย่างเคร่งครัดและเสียใจกับการมีสงครามและกำแพง ลัทธิกลุ่มหนึ่งคือลัทธิเต๋าค้นพบคำตอบในธรรมชาติและเชื่อว่า ทุกสิ่งมีสภาพเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาพลังหยินและหยาง เพราะฉะนั้นการดิ้นรนและสงครามจึงเป็นเรื่องไร้สาระ ถ้าปรัชญาเหล่านี้กลายเป็นนโยบายระหว่างรัฐ มันคงเป็นไปได้ยากที่กำแพงจะถูกสร้างขึ้นมา

แต่แคว้นฉินใช้ระบอบการปกครองเบ็ดเสร็จด้วยกฎหมายการลงโทษและการให้รางวัล มีเรื่องเล่าที่ดีมากเกี่ยวกับคนดูแลมงกุฏและคนดูแลเสื้อคลุม ในคืนหนึ่งที่ฮ่องเต้หลับอยู่หน้าบริเวณเตาผิง คนดูแลมงกุฏจึงนำเสื้อมาคลุมให้ท่าน ฮ่องเต้ตื่นขึ้นมาถามว่า ใครห่มเสื้อคลุมให้ฉัน ผู้ดูแลมงกุฏก็ตอบว่าข้าเอง แล้วฮ่องเต้ก็สั่งให้นำตัวไปประหารทันทีเพราะนั่นไม่ใช่หน้าที่ของเขา เรื่องเหล่านี้เป็นแนวทางของกองทัพฉินในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล พวกเขาเริ่มเคลื่อนกำลังข้ามแผ่นดินจีนผนวกเอาแคว้นต่างๆ เข้าไปเหมือนหนอนไหมกัดกินใบหม่อนตามบันทึกนักประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ฮั่น 246 ปี ก่อนคริสตกาล เหตุการณ์สำคัญก็เป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องที่เกิดขึ้น เด็กชายอายุ 13 ก้าวเข้าสู่บัลลังค์ของแคว้นฉิน เขาเป็นที่รู้จักในนามของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิคนแรกของประเทศจีน ตำนานกล่าวว่าเขาบินไปยังดวงจันทร์ด้วยพรมวิเศษในความฝัน เมื่อมองลงมาเขาเห็นอาณาจักรของเขามีภัยคุกคามจากศัตรูมากมาย เขาปลุกบรรดาที่ปรึกษาขึ้นมาแล้วบอกว่า ข้าจะสร้างกำแพงที่ยิ่งใหญ่

ในปี 1974 ชาวนาที่กำลังขุดบ่อน้ำพบหลักฐานทางโบราณคดีที่น่าทึ่ง มันคือหลุมฝังตุ๊กตากระเบื้องพลทหาร พลธนู รถม้าศึกและม้า ทั้งหมดนี้มีขนาดเท่าของจริงและแต่ละตัวนั้นแตกต่างกันดูราวกับว่ามีต้นแบบมาจากของจริง ทุกวันนี้ตุ๊กตามากกว่า 6,000 ตัวถูกขุดขึ้นมา กองทัพกระเบื้องเคลือบที่ถูกออกแบบให้สู้ศึกเพื่อฮ่องเต้ในโลกหน้า หรือบางทีเพื่อคุ้มกันการหลับใหลชั่วนิรันดร์ในอาณาจักรของพระองค์ ในบริเวณใกล้เคียงเป็นหลุมฝังพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกของจีน หรือที่ขนานนามกันว่าปฐมกษัตริย์ ตามบันทึกที่ตกทอดสู่ราชวงศ์ต่อมา การขึ้นครองราชย์ของจิ๋นซีฮ่องเต้มีที่มาค่อนข้างคลุมเครือ พระมารดาของพระองค์เป็นนางระบำสาวเสน่ห์แรงและเป็นภรรยาน้อยของพ่อค้าเร่ผู้มีเล่ห์เหลี่ยมมากพอกับความร่ำรวย ขณะที่เข้ามาค้าขายในพระราชวัง พ่อค้าขอให้เธอเต้นรำกับรัชทายาทของราชวงค์ฉิน เมื่อพระองค์ตกหลุมรักเขาก็ยกเธอให้พระองค์ โดยไม่เคยเอ่ยปากเลยว่านางกำลังตั้งครรภ์บุตรของเขาอยู่ องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์หลังขึ้นครองราชย์ไม่นาน แล้วจากนั้นจิ๋นซีฮ่องเต้ก็สืบทอดบัลลังค์ตั้งแต่ยังเยาว์วัย

ขณะที่ฮ่องเต้น้อยเติบโตขึ้น พระองค์เริ่มแสดงอุปนิสัยแปลกๆ และเกิดอาการวิตกกังวล พระองค์สั่งเนรเทศพระมารดา และสั่งพระบิดาอดีตพ่อค้าที่ว่าราชการแทนในวัยเยาว์ของพระองค์ให้ฆ่าตัวตาย พระองค์เรียกโหร หมอผี และที่ปรึกษาเจ้าเล่ห์ ไร้ศีลธรรมหลายคนให้เข้ามารับใช้ใกล้ชิด ประมาณ 234 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์ส่งกองทัพออกไปเพื่อพิชิตแผ่นดินจีนที่บรรพบุรุษได้เริ่มไว้ เมื่อเกิดสงครามระหว่างแคว้นก็มีแคว้นอิสระแยกตัวออกมา และท้ายที่สุดก็เหลือเพียงสองแคว้น จนเมื่อ 221 ปีก่อนคริสตกาล ประเทศจีนก็รวมเป็นหนึ่งเดียว เมื่อแคว้นฉินทำลายแคว้นฉีจนได้ จิ๋นซีฮ่องเต้ประกาศว่าตนคือจักรพรรดิของแผ่นดินใหม่ที่พระองค์ตั้งชื่อว่าจีน ตามราชวงค์ของพระองค์ และรีบรวมอำนาจอย่างรวดเร็ว จิ๋นซีฮ่องเต้สร้างอาณาจักรขึ้น ซึ่งมันไม่เคยมีมาก่อน พระองค์สร้างระบบถนนภายในประเทศ พระองค์สร้างมาตรฐานให้กับอักษรจีน พระองค์รวมสกุลเงินจีนต่างๆเป็นหนึ่งเดียว พระองค์สร้างมาตรฐานให้อาณาจักร พระองค์ทำให้มันเป็นเอกภาพ พระองค์ยังสนใจเรื่องเวทมนต์ การเล่นแร่แปรธาตุอย่างเหลือเชื่อ และเชื่อว่าพระองค์สามารถเอาชนะความตายและเป็นอมตะได้ พระองค์อยากเป็นคนครองโลก

จิ๋นซีฮ่องเต้ตั้งมาตรฐานการชั่ง ตวง วัด ด้วยระบบที่มีพื้นฐานอยู่บนเลขหก อันเป็นเลขมหัศจรรย์ของพระองค์ พระองค์ประกาศว่าสีดำคือสีที่มีพลังลึกลับของพระองค์เป็นสีทางการสำหรับเสื้อผ้าและธงของอาณาจักรและสถาปนาตนเองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ และออกพระราชบัญญัติว่าราชวงศ์ฉินจะปกครองตลอดไป จากนั้นพระองค์ก็ตัดสินพระทัยสร้างกำแพง ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าความคิดของการสร้างกำแพงเมืองจีนเข้ามาอยู่ในพระทัยของจักรพรรดิเมื่อใด หรือทำไมพระองค์ตัดสินพระทัยสร้างมัน ตำนานหนึ่งเล่าว่าหนึ่งในโหรของพระองค์ทำนายว่าราชวงค์ของพระองค์จะล่มสลายด้วยฝีมือของเผ่าคนเถื่อนจากภาคเหนือ ส่วนเรื่องอื่นก็เกี่ยวกับความฝัน ลางบอกเหตุ และความตั้งพระทัยของจักรพรรดิที่จะสร้างอนุสรณ์ถึงความรุ่งเรืองของพระองค์เมื่อใดก็ตามที่มีโอกาส

จิ๋นซีฮ่องเต้แต่งตั่งให้นายพลเม้งเทียน นายทหารผู้แข็งขันและมากด้วยความสำเร็จรับผิดชอบการสร้างกำแพง เพื่อจะแบ่งแยกผู้คนที่มีอารยธรรมจากพวกคนเถื่อน และปีศาจร้ายที่อาศัยอยู่พื้นที่ว่างเปล่าทางเหนือ  กำแพงเริ่มต้นตั้งแต่ทะเลเหลืองทางตะวันออกไปจนถึงทะเลทรายโกบีทางตะวันตก มันต้องมีความสูง 24 ฟุต และมีความกว้างมากพอที่นายทหาร 8 นายจะเดินเรียงหน้ากระดานได้ กำแพงต้องสร้างตามลักษณะภูมิประเทศตราบเท่าที่เป็นได้และต้องไม่สร้างเป็นเส้นตรง เพราะเชื่อว่าปีศาจเดินทางได้เป็นเส้นตรงเท่านั้น เทคนิคการสร้างกำแพงแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละที่ และมีกำแพงของจิ๋นซีฮ่องเต้เหลืออยู่น้อยมากจนไม่สามารถบอกได้ว่ามันถูกสร้างอย่างไร กระนั้นนักวิชาการเชื่อว่ามันถูกใช้เป็นแนวไว้สำหรับสร้างเพิ่มเติมตามรากฐานของมัน

นายพลเม้งเทียนเริ่มด้วยการสร้างหอคอยก่อน โดยสร้างจากอิฐและหินโดยมีฐานเป็นเศษหิน หอคอยเหล่านี้สูงประมาณ 40 ฟุต มีฐานเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 40 ฟุต เมื่อสร้างหอคอยเสร็จแล้วมันจะถูกเชื่อมเข้าด้วยกำแพงหิน เพื่อป้องกันผู้รุกรานและปีศาจร้าย ป้อมปราการที่ใหญ่พอที่จะบรรจุทหารได้หลายร้อยนายถูกจัดวางอยู่ในระยะธนู 2 ดอก เพื่อให้สามารถคุ้มกันพื้นที่ระหว่างนี้ได้ หอคอยโผล่ออกมาจากกำแพงเหมือนป้อมปืน ดังนั้นฝ่ายป้องกันสามารถยิงใส่ผู้รุกรานได้ตลอดแนวกำแพง มีการประมาณว่าชาวแคว้นฉินภายใต้การดูแลของนายพลเม้งเทียน ก่อสร้างกำแพงใหม่หลายร้อยไมล์ส่วนที่เหลือเป็นการก่อสร้างเพิ่มจากของเดิมที่แคว้นอื่นทำไว้แล้วรวมกับของใหม่ สิ่งที่พวกเขาทำก็คือการเชื่อมกำแพงรุ่นก่อนๆที่สร้างในสมัยสงครามระหว่างแคว้น พวกเขาใช้เทคนิคการบดอัดดิน เป็นเทคนิคเดียวที่พวกเขารู้จัก ซึ่งมันไม่ได้แตกต่างจากกำแพงในยุคนีโอลีธิกส์เลย เพียงแต่มันมีขนาดที่ใหญ่กว่าเท่านั้นเอง

ในภูเขาทางทิศตะวันออก ดินแห้งถูกนำมาถมระหว่างกำแพงหินหรืออิฐจนได้ระดับที่แน่นพอเพียง จากนั้นหินหรืออิฐจะถูกนำมาเรียงทับหน้าเพื่อป้องกันฝนชะล้างและใช้เป็นถนน ห่างออกไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นหินตะกอนละเอียดที่เรียกว่าดินเหลือง คนงานจะเทดินที่ผสมกับน้ำลงในพิมพ์ไม้แล้วนำไปก่อเป็นโครงสร้างให้แข็งแรงเมื่อมันแห้งแล้ว บนพื้นที่แห้งแล้งของที่ราบฝั่งตะวันตก กำแพงถูกสร้างจากใบต้นปาล์ม ต้นกก แสม กับกรวดและโคลน ไปจนสิ้นสุดที่ริมทะเลทรายอันกว้างใหญ่ เลยไปจากนั้นเป็นดินแดนที่สิงสถิตย์ของวิญญาณร้าย นายพลเม้งเทียนสร้างกำแพงเหล่านี้เสร็จภายในเวลาน้อยกว่า 10 ปี หรือเสร็จก่อน 210 ปีก่อนคริสกาล แต่เรื่องราวที่คาดการณ์เกี่ยวกับมูลค่าของมันในแง่ความทุกข์ทรมานและชีวิตที่สูญเสีย เรื่มแพร่กระจายออกไปแล้ว

แรงงานจำนวนมากมาจากการเกณฑ์ชาวนาผสมกับนักโทษ ทหารที่ถูกจับได้ ขุนนางตกยาก นักปราชญ์ และคนอื่นๆที่ถูกเรียกว่าเป็นศัตรูของอาณาจักร เป็นที่กล่าวกันว่าทุกๆสิบคนที่ถูกเกณฑ์มา มีเพียงสามคนรอดกลับบ้าน จักรพรรดิมีคำสั่งอีกว่า ใครก็ตามที่แอบหลับจะต้องถูกฝังทั้งเป็นไว้บนกำแพงนั่นเอง ความทรงจำอันแพร่หลายของการสร้างกำแพงก็คือ ชาวนาถูกกวาดต้อนมาทำงานแล้วก็ไม่เคยกลับไปอีกเลย โดยถูกใช้งานเยี่ยงทาสจนเสียชีวิตในผืนป่าที่ห่างไกล มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก และมีเรื่องเล่าว่า ศพของชาวนาถูกโยนทิ้งลงไปในช่องว่างระหว่างกำแพง ซึ่งเป็นที่ใส่เศษหิน ความเลวร้ายนี้ถูกระบายออกมาผ่านบทกวีมากมาย ชิ้นที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือตำนานของคุณนายเม็ง หนึ่งในเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ที่เด็กๆเรียนในช่วงยี่สิบปีแรกของการปกครองระบบสังคมนิยม เป็นเรื่องของหญิงคนหนึ่งตามหาสามีของเธอที่ถูกจิ๋นซีฮ่องเต้ส่งไปเป็นแรงงานทาสที่กำแพงนั่น แล้วเธอก็พบว่าเขาตายแล้วและอาจจะถูกฝังอยู่ในกำแพงเหมือนกับหลายๆคน ดังนั้นกำแพงจึงถูกมองว่าเป็นผลงานของความกดขี่ของระบอบขุนนาง ซึ่งถูกสร้างโดยหยาดเหงื่อของคนธรรมดาภายใต้การทารุณของทรราชย์ ขณะที่ในตอนนี้กำแพงนั้นถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ของประเทศจีน ความยั่งยืนของอารยธรรมของมัน เป็นการแสดงพลังอำนาจ ประวัติศาสตร์

เมื่อการก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด หนึ่งในโหรของจักรพรรดิกล่าวว่า กำแพงจะไม่มีวันเสร็จ ถ้าไม่มีการฝังคนหนึ่งหมื่นคนทั้งเป็นในนั้น จักรพรรดิรู้สึกว่าพระองค์ไม่อาจเสียคนขนาดนั้นได้ จิ๋นซีฮ่องเต้แก้ปัญหาด้วยการหาชายคนหนึ่ง ซึ่งชื่อของเขามีตัวอักษรที่มีความหมายว่าหนึ่งหมื่นมาฝังไว้ในกำแพงแทน ประมาณกันว่ามีคนงานสร้างกำแพงหนึ่งล้านคนระหว่างการทำงานที่ยาวนานหลายปีในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก และไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีผู้เสียชีวิตมากมายจากภูมิอากาศ ความเหนื่อยล้า และความอดอยาก แม้กระทั่งทุกวันนี้ยังมีเรื่องเล่าที่ว่าศพของพวกเขาถูกฝังตรงที่เสียชีวิตอยู่ในสุสานยาวที่สุดในโลกตลอดกาล หลังจากรวมประเทศจีนเข้าเป็นหนึ่งเดียวไม่ทันถึงสิบปี การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีก โครงการสาธารณะเช่น คลอง ถนน และระบบเกษตรกรรม ได้รับการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ขณะนี้เมื่อมีกำแพงใหญ่ล้อมรอบ จิ๋นซีฮ่องเต้ทรงประกาศว่าไม่มีใครจะเอาชนะอาณาจักรของพระองค์ได้ แต่มีสุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า สูงสุดคืนสู่สามัญ

แม้ขณะที่กำแพงอยู่ระหว่างการก่อสร้าง จิ๋นซีฮ่องเต้ยังคงถลำลึกลงไปในเรื่องไสยศาสตร์และความวิปลาส สองร้อยสิบสามปีก่อนคริสกาล พระองค์ตัดสินพระทัยว่าประวัติศาสตร์ควรเริ่มต้นที่พระองค์และสั่งให้เผาหนังสือประวัติศาสตร์ทั้งหมด ใครที่พบว่ามีหนังสือเหล่านี้อยู่ในครอบครองหลังการประกาศจะถูกส่งไปใช้แรงงานสร้างกำแพง หรือถูกฝังทั้งเป็น ประมาณการว่านักปราชญ์ 460 คนเสียชีวิต เมื่อบุตรชายองค์โตและเป็นรัชทายาทของพระจักรพรรดิคัดค้านนโยบายนี้ เขาก็ถูกเนรเทศให้ไปช่วยงานนายพลเม้งเทียนทางเหนือ ขณะที่จักรพรรดิมีพระชนม์มายุเพิ่มขึ้น ความลุ่มหลงกับความตายของพระองค์ก็เพิ่มมากขึ้น ถึงแม้จะมีบันทึกว่าพระองค์เข้าเยี่ยมชมการก่อสร้างกำแพงของพระองค์เพียงครั้งเดียว และมีรายงานว่าพระองค์ออกเดินทางค้นหายาที่จะทำให้เป็นอมตะถึง 5 ครั้ง แต่พระองค์ก็สิ้นพระชนม์เมื่อมีอายุได้ 49 พรรษา ในการเดินทางครั้งหนึ่ง การสิ้นพระชนม์ของพระองค์อาจเกิดจากยาที่มีสารอันตรายอย่างตะกั่วหรือสารหนูที่พระองค์เสวยเข้าไปเพื่อเสาะหาชีวิตอมตะ

ราชวงค์ของพระองค์ล่มสลายด้วยน้ำมือของบุตรชายคนที่สองที่ชื่อ อู๋ไห่ การที่รัชทายาทอันชอบธรรมอยู่ระหว่างการถูกเนรเทศ ทำให้อู๋ไห่ขึ้นครองราชย์อาณาจักรฉิน พร้อมความเจ้าเล่ห์ โหดร้ายที่เหมือนพระบิดา แต่ขาดซึ่งความเข้มแข็งและความเป็นผู้นำแบบจิ๋นซี เขาสั่งขังที่ปรึกษาทั้งหมดของพระบิดา รวมทั้งนายพลเม้งเทียน ผู้ซึ่งฆ่าตัวตายหลังจากไตร่ตรองความโชคร้ายของตนและกล่าวว่า เขาสมควรตาย เพราะเขาละเมิดชี่ อันเป็นการไหลของพลังงานโลกด้วยการก่อสร้างกำแพงที่ละเมิดพื้นที่ภูเขา แม่น้ำ และพื้นที่ธรรมชาติอื่นๆ  อู๋ไห่ครองราชย์ได้เพียงสี่ปี ก่อนที่ฝ่ายกบฏจะล้มล้างเขา และประเทศจีนกลับเข้าสู่สงครามกลางเมืองอีกครั้ง ราชวงค์อันยิ่งใหญ่ที่หวังจะได้อยู่ตลอดกาล กลับได้อยู่เพียง 15 ปี นับเป็นการปกครองที่สั้นที่สุดที่เคยปกครองจีน

แหล่งรวมบทความจัดอันดับ สารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง
10 โรคมฤตยูที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
10 อันดับฆาตกรต่อเนื่องที่อำมหิตที่สุดในโลก
10 สุดยอดคนสมองเพชรที่ฉลาดที่สุดในโลก
เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ
25 การทรมานสุดโหดในประวัติศาสตร์
มนุษย์กินคนในตำนาน ซอว์นี่ บีน (Sawney Bean)
25 อาหารแปลกจากทั่วโลก
10 อันดับสุดยอดเรื่องเล่าสยองขวัญเดอะช็อค
จัดอันดับ
เรื่องเล่าสยองขวัญ
ประวัติศาสตร์
เมนูอาหาร
สุขภาพ



Re: อ่านการ์ตูนออนไลน์ ตอบกลับ #12 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2019, 12:35:34 am
มนุษย์กินคนในตำนาน ซอว์นี่ บีน (Sawney Bean)

นายซอว์นี่ บีนเกิดในครอบครัวยากจน พ่อเป็นช่างไม้ เมื่อเป็นหนุ่มเขาก็เป็นช่างไม้ตามพ่อ แต่เขาหัวทึบและเกียจคร้านมาก วัยหนุ่มเขาได้แต่งงานกับผู้หญิงที่มีนิสัยคล้ายๆ กันและแยกครอบครัวออกไป ด้วยความที่ทั้งคู่โมโหร้าย จึงทะเลาะและทำร้ายเพื่อนบ้านเป็นประจำ ไม่มีใครทนได้ พวกเขาจึงต้องไปหาที่อยู่ใหม่ และเขาได้ไปพบบ้านแสนสุข มันก็คือถ้ำใกล้ทะเลที่ห่างไกลผู้คน เป็นส่วนตัว ไม่ต้องดูแลซ่อมแซม คู่สามีภรรยาจึงเริ่มต้นสร้างครอบครัวที่นี่


โดยเขาเริ่มหากินด้วยการดักจี้ ปล้นนักเดินทางต่างถิ่น และเอาศพไปทิ้งและนำเอาทรัพย์สินเงินทองของเหยื่อไป ว่ากันว่าเขาเอาแต่เงินไปใช้จ่าย ส่วนของมีค่าก็กองเอาไว้ในถ้ำเพราะกลัวว่าหากเอาไปขายแล้วจะถูกสาวมาถึงตัวได้ แต่เมื่อเขามีลูก ครอบครัวขยายใหญ่มีสมาชิกเพิ่มมาหลายคน ความเป็นอยู่จึงยากลำบาก เงินที่ปล้นนั้นเล็กน้อยไม่พอกินกับหลายชีวิต เขาจึงได้ครุ่นคิดหาทางออก แล้วเขากับเมียก็ปิ๊งไอเดียว่า ทำไมเราไม่กินเนื้อคนพวกนั้นล่ะ ฆ่าทิ้งศพเฉยๆ ก็เสียดาย อีกอย่างเพื่อเป็นการทำลายหลักฐานด้วย และนั่นเองก็เป็นจุดเริ่มต้นการกินเนื้อมนุษย์ของครอบครัวบีน ทั้งกินสดและทาเกลือตากแห้งไว้มากมาย จากนั้นครอบครัวอำมหิตนี้ก็ไม่มีคำว่าอดอีกเลย กลับมีให้กินอย่างอิ่มหนำเหลือทิ้งเหลือขว้าง ว่ากันว่ามีผู้คนที่ถูกครอบครัวนี้กินไปกว่าพันคนเลยทีเดียว

เนื่องจากพวกเขาอยู่แบบสังคมปิด เหล่าพี่น้องจึงสมสู่กันเอง และออกลูกออกหลานมามากมาย และพบว่าลูกหลานของบีนจำนวนมากออกมารูปร่างหน้าตา สมองพิการ รวมแล้วเขามีลูกชาย 8 คน ลูกสาว 6 คน หลานชาย 18 คน หลานสาว 14 คน รวมทั้งหมด 48 ชีวิต จึงเปรียบเสมือนกองโจรขนาดย่อม ที่ดักปล้นฆ่านักเดินทางผู้โชคร้ายได้อย่างไม่เคยพลาด ซึ่งพวกเขาดำรงชีวิตอย่างนี้มากว่า 20 ปี

และแล้วก็ถึงวันที่ครอบครัวอสุรกายนี้พลาด เพียงแค่ครั้งเดียว แต่เปลี่ยนทุกอย่างไปตลอดกาล เมื่อพวกเขารุมปล้นสามีภรรยาคู่หนึ่งที่กลับมาจากงานเทศกาลของหมู่บ้าน สามีสู้สุดใจ แต่ภรรยาถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เธอถูกรุมทึ้งกัดกินต่อหน้าสามี โชคดีที่ชาวบ้านในงานเทศกาลได้ยิน และเข้ามาช่วยผู้เป็นสามีได้ทัน พวกบีนจึงต้องรีบหนีล่าถอยไป ตัวสามีจึงได้นำความไปแจ้งทางการ ว่าแถวนี้มีมนุษย์กินคนอาศัยอยู่ พระเจ้าเจมส์ที่ 1 เมื่อทรงทราบเรื่องก็ทรงนำทหาร 400 นายมาจัดการด้วยตัวเองพร้อมสุนัขดมกลิ่น

เมื่อได้พบและเข้าไปในถ้ำของครอบครัวบีน ทุกคนก็ต้องผงะกับภาพที่เห็น เพราะพบชิ้นส่วนร่างกาย โครงมนุษย์ ถูกแขวนเอาไว้มากมายราวกับร้านขายเนื้อ จึงได้จับสมาชิกของครอบครัวนี้ไว้หมดทุกคน เมื่อถูกตัดสินว่าผิดจริง ผู้ชายทุกคนในครอบครัวถูกฆ่าตัดร่างกายเป็นชิ้นๆ แบบเดียวกับที่พวกเขาเคยทำกับเหยื่อ โดยให้ผู้หญิงในครอบครัวดูภาพนั้น เมื่อผู้ชายเสียชีวิตหมดก็เผาผู้หญิงที่เหลือทั้งเป็น ไม่ยกเว้นแม้แต่เด็ก เป็นการปิดตำนานครอบครัวมนุษย์กินคน



Re: อ่านการ์ตูนออนไลน์ ตอบกลับ #13 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2019, 12:35:58 am
aเสน่ห์ เล่ห์มนต์ คาถากล่อมหญิงของชายไทย
เสน่ห์ เล่ห์มนต์ คาถากล่อมหญิงของชายไทย
คนไทยเรามีคำพังเพยว่า "ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็ต้องเอาด้วยคาถา" หรือจะพูดให้ชัดก็คือผู้ชายไทยแท้แต่โบราณนั้น เวลาไปจีบลูกสาวบ้านไหนแล้วถ้าสาวเจ้าไม่รักตอบ ไม่มีเสียล่ะที่ฝ่ายชายจะยอมรับความพ่ายแพ้เยี่ยงลูกผู้ชายน้ำใจนักกีฬา แต่พ่อเจ้าประคุณจะหันไปทำเสน่ห์เล่ห์กล ให้ฝ่ายหญิงรักตนให้จงได้

ที่น่าแปลกก็คือผู้ชายที่ได้หญิงมาครองด้วยวิธีนี้ไม่ยักถูกสังคมประณามว่าเล่นสกปรกใช้วิธีเถื่อนถ่อยบังคับใจหญิง แต่กลับได้รับเสียงชื่นชมว่าเก่งกาจสมชายชาตรี โดยมีไอดอลจะวพ่อเป็นถึงพระเอกชื่อดังอย่างขุนแผนแสนสะท้าน จากวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนนั่นเอง ถึงแม้ว่าขุนแผนจะเจ้าขู้เป็นไฟ แต่บรรดาเมียทุกคน มีเพียงนางวันทองคนเดียวที่พระเอกของเราได้โชว์ฝีมือเกี้ยวพาราสี จนนางหลงรัก ยอมมอบตัวและหัวใจให้ ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นนางบัวคลี่ นางลาวทอง และนางแก้วกิริยา ล้วนแต่กลายเป็นทาสรักของขุนแผนเพราะถูกเป่ามนต์เสน่ห์ใส่ทั้งสิ้น ใช่ว่าจะรักปลาไหลรูปงามตัวนี้ด้วยใจจริงก็หาไม่

บทบาทของขุนแผนสะท้อนรสนิยมของผู้ชายสมัยโบราณ ว่าคลั่งเรื่องเสน่ห์ยาแฝดกันขนาดไหน คาถาที่ถือว่าเป็นบทสวดยอดนิยม เท่าที่พอจะหยิบมาเล่ากันได้นั้นมีอยู่ด้วยกัน 7 บท ซึ่งหวังว่าคุณผู้อ่านจะอ่านกันเพื่อประดับความรู้ อย่าได้ริลองหรือจริงจังไปเชียว เพราะของแบบนี้เป็นแค่ความเชื่อ และยังต้องมีของประกอบพิธีอีกหลายอย่างด้วย ไม่ใช่แค่ท่องกันปาวๆ อย่างเดียวแล้วจะได้ผล

1. คาถาความรักบทที่ 1
ปิโย เทวะมะนุสสานัง ปิโย พรหมา นะ มุตตะโม ปิโย นาคะสุปันนานัง ปินินทะริยัง นะมามิหัง
คาถานี้คนโบราณท่านวาถ้าท่องบ่อยๆ ไปเล็งรักสาวบ้านไหนไว้ รับรองไม่มีพลาด

2. คาถาความรักบทที่ 2
สังขาเร ติวิเธ โลเก สัญชานาติ อะนิจจะโต สัมมานิพานะ สัมปัตโต สัมปัสสันตัง นะมามิหังฯ
สำหรับคาถานี้ คนโบราณท่านไม่ได้ให้ไปเป่าพรวดใส่ผู้หญิงเฉยๆ แต่ให้ปลุกเสกใส่สีผึ้งเสียก่อน จากนั้นก็เอาสีผึ้งนั้นทาปากแล้วไปเกี้ยวผู้หญิง เชื่อกันว่าทำให้หนุ่มที่ทื่อเป็นเรือเกลือกลายเป็นคนเจ้าคารี้สีคารม พูดจามีเสน่ห์ ผู้หญิงติดเกรียวขึ้นมาทันที

3. คาถาความรักบทที่ 3
ทูเส สัตเต มะหาเสนโต ทูรัฏฐานัง ปะกาสะติ ทูรัง นิพพา นะมาคัมมัง ทูสะหานัง นะมามิหังฯ
เวลาจะไปหาผู้หญิง ผู้ชายสมัยก่อนจะท่องคาถานี้เป็นยันต์กันเหนียวก่อนออกจากบ้าน เพื่อให้ผู้หญิงรักใคร่เมตตา ถ้าเจ้าหนุ่มไปทำทะลึ่งทะเล้นเกี้ยวพาราสี อย่างน้อยหล่อนก็จะได้แค่ค่อนขวับสักทีสองที ไม่ถึงกับตบเอาจนฟันร่วง

4. คาถาความรักบทที่ 4
มุหุสสาเหนะ สัมปันโน มะหันตัง ญานะมาคะมิ มะหิตังนะระ เวเทหิ มะโน สุทธัง นะมามิหังฯ
บริกรรมคาถาบทนี้จนจบแล้วเป่าลมหายใจ ใส่เครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อย หรือตะกรุด สวมติดตัวไว้ เมื่อผู้หญิงเห็นเข้าก็จะนึกรักคนใส่ (ไม่ใช่รักของแพงๆ ที่ใส่อยู่นะจ๊ะ)

5. คาถาความรักบทที่ 5
วันตะราคัง วันตะโทสัง วันตะโมหัง อะนาสะวัง วันทิตัง เทวะหรหเมหิ มะหิตันตัง นะมามิหังฯ
คาถาบทนี้ใช้ปลุกเสกใส่ดอกไม้ แล้วทัดไว้ที่ใบหูก่อนจะออกไปจีบหญิง คนสมัยนี้อาจจะร้องยี้ว่าผู้ชายที่ไหนจะมาทัดดอกไม้ แต่ผู้ชายในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น อย่างเช่นขุนช้างซึ่งเป็นเพลย์บอยเจ้าสำอาง มักจะแต่งตัวสวยสะแข่งกับผู้หญิง และสามารถทัดดอกไม้แข่งกับสาวๆ ได้ ไม่ผิดกติกาหรือถูกหาว่าเป็นตุ๊ดตู่แต๋วแตกแต่อย่างใด

6. คาถาความรักบทที่ 6
สาวะกานัง นุสาเสติ สาระธัมเมจะปาณินัง สาระธัมมัง มะนุสสานัง สาสิตังตัง นะมามิหังฯ
คนไทยเราเวลาไปเยี่ยมใคร เจ้าของบ้านมักจะเอาหมากพลูมาต้อนรับ หนือบางคนก็เคี้ยวหมากหยับๆ ไปจากบ้านตัวเองเลยทีเดียว ก่อนจะกินหมากพลู ท่านว่าให้บริกรรมคาถานี้แล้วเป่าพรวดลงไป จากนั้นไปคุยกับเพศตรงข้ามคนไหน คนฟังก็จะเกิดเมตตามหานิยม หลงติดใจคนพูดโดยไม่รู้ตัว

7. คาถาความรักบทที่ 7
อะ วิช สุ นุต สา นุต ติ
เป็นคาถาสำหรับปลุกเสกในน้ำมัน เวลาเสกต้องท่องคาถาทั้งหมด 7 ครั้ง จากนั้นก็เอาน้ำมันนั้นมาทาหน้า จะเกิดเป็นเสน่ห์ต้องตาผู้พบเห็น

ที่เล่ามาทั้งหมดนั้นเป็นคาถาพื้นๆ สำหรับนักเลงผู้หญิงมือสมัครเล่น แต่ถ้าเป็นระดับมือโปรจะนิยมใช้วิธีทำเสน่ห์กันมากกว่า ซึ่งก็มีหลายวิธีเช่นกัน เช่น เล่นสตรี

ก่อนอื่นเจ้าหนุ่มจะต้องไปหาดอกบัวสดมากำหนึ่ง เขียนชื่อของผู้หญิงที่ตนพอใจลงบนกลีบดอกบัวให้ครบทุกกลีบ แล้วเอาไปบูชาพระไว้สามวัน พอครบก็เอามาสวดคาถาว่า
"สัมพุทเธ อัตถาวี สัญจะ พุทธ มำหา กังตปาการัง ทะวาทะ สหัสะเก ธัมโม เมอำ หากัง ปาการัง ปัญจะสะตะ สหัสานิ อะหัง เตสัพเพ พุทธาชะนาจิตตัง นะมะการา นุภาเวนะ มะอะอุ หันตะ สัพเพอุปัทเว อุอะมะ"

เมื่อเสกครบสามครั้ง ก็นำดอกบัวนั้นไปวางไว้ใต้หมอน ผู้หญิงจะเกิดอาการร้อนรน กระวนกระวาย คิดถึงแต่หน้าของสุดหล่อจนอยู่ไม่ติดเรือน ต้องแล่นมายอมทอดกายถวายตัวเป็นเมียถึงบ้าน

เรียกจิตลงหมอน
เป็นวิธีสยบจิตใจผู้หญิงที่หมายปอง ให้วิ่งมาหาถึงบ้านอีกเหมือนกัน โดยเสกเป่าคาถาลงไปบนหมอนที่หนุนนอน หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน สาวเจ้าก็จะเอาตัวเองมาเดลิเวอรี่ให้เจ้าหนุ่มเชยชมถึงห้องนอนคาถาบทนี้มีอยู่ว่า
"นามฆะนัง สะมาโส ยุตตะโถ ยุตตะถะ แห่งนามมะอาจาริย์ พึงหมายให้กู เรียกชื่อว่าอี..... มาในสถานที่นี้"

จากนั้นก็ผูกจิตของหญิงสาวด้วยคาถาต่อไปนี้ "อะ มะ จิตติ จิตตัง มานัง จิตตัง มา มะ อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ ติวาตัพโพ เอหิ จิต อี... มานี่ มามา โอม มหาภูติทั้งสี่อันอยู่ภักดี มิได้คลาดคลา อาคัจฉาหิ ภูติ"

คว่ำหมอนลง จุดเทียนหนัก 1 บาท ปักให้ตั้งบนหมอน ว่าคาถาต่อ "อาคัจฉัยยะ อาคัตฉาหิ มานี่ มามา"

เมื่อบริกรรมคาถาครบถ้วนแล้ว เจ้าหนุ่มก็สามารถเข้านอนได้ตามปกติ แต่ต้องท่องคาถาว่า "นะ มะ พะ ทะ" ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหลับ สาวปีนหน้าต่างเข้ามาหาเมื่อไร ค่อยตื่นมาทำการบ้าน

เรียกสตรี
เดินย่ำลงไปบนพื้นดินเปียกๆ จากนั้นเก็บดินเกนียวที่มีรอยเท้าของเราประทับขึ้นมาปั้นเป็นรูปคนเขียนชื่อหญิงที่หมายปองไว้ตรงหน้าอกของหุ่นส่วนข้างหลังให้เขียนชื่อของเจ้าหนุ่มผู้ทำเสน่ห์เอาไว้เอาใส่หม้อดินใหม่ที่ยังไม่เคยใช้งานปิดปากหม้อด้วยใบบัวแล้วเสกคาถาต่อไปนี้ให้ครบ ๑๐๗ คาบ

"อะนัตกาเรหิ โอนังตาหิ โอกาเสติ สะปะจาหิ ภัควา ภิกขุนี เอหิ อาคัจชะหิ อะหัง ปะรินิพายิสามิ"
ท่องจนครบตามตำราเมื่อไร ท่านว่าผู้หญิงจะรีบแจ้นมาหาเอง แต่ถ้ารอแล้วรอเล่าเธอก็ไม่มา ให้ย้ายรูปปั้นจากหม้อไปใส่ในกระทะตั้งไฟให้ร้อนฉ่า ผู้หญิงจะเกิดความร้อนรุ่มในจิตใจจนทนไม่ได้ ต้องยอมสละยางอายมาอ้อนวอนขอเป็นเมียเอง

ธาตุทั้ง ๔
เขียนชื่อของผู้หญิงลงบนฝ่ามือข้างใดข้างหนึ่ง แล้วเขียนอักขระกำกับไปว่า
"นะ มะ พะ ทะ"
บริกรรมคาถา ๑๐๘ จบ จากนั้นจึงทาแป้งน้ำมันทับลงไปบนฝ่ามือ กลั้นหายใจบริกรรมคาถาเดิมอีก ๑๐ จบ แล้วเอาแป้งนั้นประหน้า หลังจากเสริมหล่อหรือเสริมสวยเสร็จแล้ว เมื่อโผล่หน้าออกไปให้สาวที่พึงใจได้เห็น เธอก็จะงวยงงหลงใหล ตกหลุมรักพ่อหน้ามนทันที

หัวใจกา
พี่ก่อนอื่นต้องจับอีกามาสามตัว ผ่าอกควักเอาหัวใจออกมาทั้งหมดสามดวง บวกกับหัวอีกาอีกสามหัว เอาเผาไฟพร้อมกับรังอีกาที่จับมาได้นั้น เมื่อทุกอย่างกลายเป็นขี้เถ้าก็เอามาปั้นให้เป็นแท่งเล็กๆ แล้วเสกคาถากำกับลงไป ๗ จบว่า

"กาสะกะระวา เอการะสะ ปะติริชา ทัมมะนะพะ เพทะตะริโย สะทาปะพยายะนะ มะโนหะเลคาวะ พะยานาวินัตตะวินัง ราหุ ชักกะหะมา ยัตนา ชัยยา สิทธิภวตุนเม"
เมื่อท่องครบ ๗ ครั้งแล้ว ก็เอาแท่งยาเสน่ห์นี้ใส่ในหมากพลู เอาไปหลอกล่อให้หญิงนั้นกินให้ได้ หลังจากได้ลองลิ้มชิมรสแล้ว นางจะติดใจในขี้มือจนทนไม่ไหว ต้องแล่นมาทอดกายยอมเป็นเมียถึงบ้าน

เท่าที่เล่ามานี้ เป็นเพียงตัวอย่าง คาถามหาเสน่ห์เพียงไม่กี่บทที่ผู้ชายไทยเคยเชื่อและใช้กันมาแต่จะใช้แล้วได้ผลหรือได้แผล ก็อยู่ที่นิสัยใจคอ หน้าตา และความดีในตัวเจ้าหนุ่มเป็นสำคัญ



Re: อ่านการ์ตูนออนไลน์ ตอบกลับ #14 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2019, 12:36:25 am
หนทางที่สตีฟ จ๊อบส์ เปลี่ยนแปลงโลก

เชื่อหรือไม่ว่าสตีฟ จ๊อบส์ ไม่ได้คิดค้นอะไร ไม่ได้เป็นทั้งวิศวกรหรือพ่อมดคอมพิวเตอร์หรือนักวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าไม่มีเขาก็จะไม่มีใครได้เห็นเครื่องแมคอินทอชหรือไอแมค จะไม่มีใครได้ฟังเพลงในไอพอด หรือโทรศัพท์โดยใช้ไอโฟน และแน่นอน ก็จะไม่มีใครได้ท่องเน็ตในไอแพดอีกด้วย

จ๊อบส์ไม่ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ แต่ก็ก่อนใครเพื่อนที่เขาเข้าใจว่าพวกมันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา

เขานำเสนอในแต่ละผลิตภัณฑ์ด้วยข้อมูลเชิงลึกในอนาคต และเขาทำให้พวกมันเจ๋งมาก เขาเป็นคนมีจินตนาการ เป็นเจ้านายที่มีเสน่ห์เหลือเชื่อและมีทักษะการสื่อสารที่ดี แต่เขาก็เป็นเผด็จการไร้ปราณีและหลงใหลความยิ่งใหญ่เช่นกัน

Alan Delitschman author of "The Second Coming Of Steve Jobs"
"สตีฟ จ๊อบส์นั้นมองภาพตัวเขาเองเหมือนเป็นผู้นำทางวัฒนธรรมทางการเมือง ของโลกในช่วงของเรา"

Steve Wozniak (Co-Founder Apple)
"มีคนพิเศษไม่กี่คนบนโลก เช็คสเปียร์ นิวตัน มีไม่มากนัก เขามองตัวเองเป็นหนึ่งในนั้น จากวิธีที่เขาพูด และคนอื่นเป็นเพียงมด ไร้ค่า ไม่มีความหมายอะไร"

ทำไมชายผู้สอนตนเองด้วยการพัฒนาความรู้สึกความภาคภูมิใจในตัวเองคนนี้จึงได้สร้างบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดขึ้นมาได้ ชีวิตของสตีฟ จ๊อบส์ คือเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ต้องการครองโลกผ่านไอที โลกที่โหดร้ายที่ไม่มีกติกา

สตีฟ จ๊อบส์เกิดในซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1955 หลายอย่างไม่ได้เริ่มอย่างสวยงาม ขณะที่พ่อแม่จริงๆ ได้ทอดทิ้งเขาตอนเกิด แม่ของเขาเป็นนักเรียนและพ่อเป็นครูหนุ่มเกิดในซีเรียไม่อาจดูแลเขาได้ เขาจึงถูกรับเลี้ยงโดยพอลและคลารา จ๊อบส์ ที่เหมือนคู่สามีภรรยาอเมริกันทั่วไปที่ไม่เคยมีโอกาสทางกาศึกษา แต่พวกจ๊อบส์ตัดสินใจกัดฟันส่งสตีฟเข้ามหาวิทยาลัย

สตีฟเติบโตมากับพ่อแม่บุญธรรมทางใต้ของซานฟรานซิสโกในบังกะโลชานเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ใจกลางหุบเขาที่เต็มไปด้วยต้นแอปเปิ้ล ที่ไม่นานจะรู้จักกันในชื่อ ซิลิคอน วัลเลย์ ทั้งหมดยังรอวันมาถึง เพราะตอนนั้นการใช้คอมพิวเตอร์ยังอยู่ในช่วงแรกเริ่ม สตีฟไม่ได้เป็นนักเรียนที่ดี และมักจะเบื่อ แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขาสนใจ นั่นคืออิเล็กทรอนิคส์ แต่สตีฟก็ไม่ใช่อัจฉริยะ

Alan Delitschman author of "The Second Coming Of Steve Jobs" ได้ให้ความเห็นไว้ว่า
"ก็ประมาณว่ามือสมัครเล่น งานอดิเรก ช่างบัดกรี เป็นคนที่ชอบอิเล็กทรอนิคส์ แต่เขาก็ไม่ได้เป็นอัจฉริยะที่ประสบความสำเร็จในด้านเทคนิค ไม่ได้เป็นแบบนั้น"

สตีฟ จ๊อบส์อาจไม่ได้เป็นอัจฉริยะ อย่างน้อยก็ตอนเริ่มต้น แต่เขามีเพื่อนที่เหมาะสม โดยเฉพาะเพื่อนบ้านของเขา สตีฟ วอซเนียก ที่แก่กว่าเขา 5 ปี พวกเขารักอิเล็กทรอนิคส์เหมือนกัน แต่แตกต่างกันอย่างหนึ่ง สตีฟ วอซเนียกเป็นผู้เชี่ยวชาญ

เราพบกับสตีฟ วอซเนียก อดีตผู้ร่วมงานของจ๊อบส์ที่บ้านของเขาในย่าน ลอส กัสโต้ แคลิฟอร์เนีย เขาจำได้ว่าใช้เวลาหลายชั่วโมงทำสิ่งต่างๆ ตอนยังเด็ก คิดถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท และเขาก็ทำออกมาได้ไม่เลวเลย

สตีฟ วอซเนียกให้สัมภาษณ์ติดตลกว่า
"ผมนั้นเก่งมาก หลายปีที่พัฒนาเทคนิคในหัว เทคนิคการรวมชิป เอ่อ... มันยากจะเชื่อว่าผมทำได้ยังไง มันบอกใครไม่ได้ เอาคนอื่นมาพัฒนาอย่างที่ผมทำไม่ได้ เพราะผมพยายามอย่างหนักมาหลายปี เพื่อทำงานให้ดียิ่งขึ้น โดยไม่ต้องอ่านหนังสือวิธีทำอะไรเลยล่ะครับ"

ความสามารถในอดีตของสตีฟ วอซเนียก ยังคงทำให้ตัวเขาทึ่ง และมีเหตุผลที่ดี เพราะเขาก้าวหน้าเสมอ เป็นอัจฉริยะ เมื่ออายุ 3 ขวบเขาก็อ่านหนังสือได้ ตอน 7 ขวบก็ทำวิทยุขึ้นเอง ตอนอายุ 13 เขาก็รู้ดีเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ เขาสร้างสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ตลอดตอนเป็นวัยรุ่น ที่โดดเด่นที่สุดคือ บลูบ็อกซ์ โทรศัพท์เครื่องแรกที่สามารถใช้โทรฟรีได้ทั่วโลก

"คุณใส่เสียงลงในโทรศัพท์ มันจะเริ่มยึดสายโทรศัพท์และก็โทรออกโดยไม่เสียเงิน วงจรโทรศัพท์ระบบโทรศัพท์ อุปกรณ์เริ่มต้นเชื่อมต่อกับหมายเลขทุกที่ ไม่มีค่าบริการใดๆ" สตีฟ วอซเนียกพูดถึงอุปกรณ์ที่เขาประดิษฐ์ในช่วงวัยรุ่น

โทรศัพท์ที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ แต่กลายเป็นว่าผิดกฎหมาย ดังนั้น วอซเนียกจึงใช้มันไม่ได้ ไม่กี่ปีต่อมาเขาก็คิดค้นเครื่องมือแห่งอนาคต คือเจ้าสิ่งนี้ กล่องไม้ที่ทำด้วยวัสดุอะไรก็ได้ที่ วอซเนียก มีอยู่ในมือ มันดูเหมือนกับเป็นของเล่นมากกว่า แต่มันคือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก แม้จะมีลักษณะค่อนข้างเรียบง่าย แต่มันคือการปฏิวัติ

ช่วงปี 1976 ในเวลานั้นคอมพิวเตอร์มีหน้าตาแบบเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ทั้งห้อง ไม่มีแป้นพิมพ์และหน้าจอ มันยังคงห่างไกลจากคอมพิวเตอร์ที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้ เมื่อเทียบกับภูเขาเครื่องจักรนี้ เวอร์ชั่นของ สตีฟ วอซเนียก จึงเป็นการปรับปรุงที่งดงาม แต่ก็อย่างเคย เขาไม่เข้าใจขอบเขตทั้งหมดของสิ่งประดิษฐ์ของเขา จนวันที่เขาเอาให้เพื่อนดู โดยเฉพาะกับ สตีฟ จ๊อบส์

วอซเนียกพูดถึงตอนนั้นว่า "ผมออกไปกับโต๊ะที่ตั้งทีวี และคอมพิวเตอร์ผมที่กำลังทำออกแบบมัน และโชว์สิ่งที่ผมมี และคนก็เริ่มห้อมล้อม มันน่าทึ่ง และก็มีชิปไม่กี่ชิ้นบนบอร์ดที่เป็นคอมพิวเตอร์ทั้งเครื่อง"

สำหรับสตีฟ จ๊อบส์ เครื่องนี้คือความกระจ่าง ตั้งแต่นั้นมา เขาก็มีสิ่งเดียวในหัว คือทำการตลาดคอมพิวเตอร์ สตีฟ วอซเนียก จำความมุ่งมั่นของเพื่อนวัย 21 ของเขาได้ดี

วอซเนียกกล่าวถึงตอนปรึกษากับจ๊อบส์ว่า "เราไม่ได้คิดจะขายมันตอนสตีฟ จ๊อบส์ว่าขายมันเถอะ และผมว่า เราอาจจะไม่ได้เงิน เขาว่างั้นเราจะตั้งบริษัทเลย"

และสตีฟ จ๊อบส์ก็มีความคิดอยู่แล้วเรื่องรายละเอียดที่จะสร้างความแตกต่าง

"เขามาพร้อมชื่อแอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์ ชื่อเจ๋งมากๆ" สตีฟ วอซเนียกบอก

แอปเปิ้ล แนวคิดนี้มาจากไหน สตีฟ จ๊อบส์ได้อิทธิพลอย่างมากจากการเคลื่อนไหวของฮิปปี้ขณะเดินทางไปอินเดีย ยุคต้นปี 1970 สตีฟได้รับแรงบันดาลใจต่อแนวคิดที่ว่าคนรุ่นนี้ต้องการเปลี่ยนแปลงโลก การเคลื่อนไหว การประท้วง ดนตรี ยาเสพติด เขาลองทั้งหมด เพื่อการปลดปล่อย กลุ่มเพื่อนของเขานัดพบกันที่ฟาร์ม กินแอปเปิ้ล แดน ค็อตเก้ จำมันได้ดี


สตีฟ จ๊อบส์ ตระหนักอย่างรวดเร็วว่าลูกค้าที่เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์นั้นจำกัด และการเริ่มต้นนั้นมันไม่เพียงพอ เขาต้องการขายเครื่องคอมพิวเตอร์บ้านให้สาธารณชน เขาจึงขอให้ วอซเนียก ให้ปรับแต่งสิ่งประดิษฐ์ของเขา และให้เข้าถึงคนกลุ่มใหญ่ได้ และวอซเนียกก็ลงมือทำงานกับสิ่งที่อยู่ในมือไม่กี่สัปดาห์ต่อมา จนเป็นต้นแบบของแอปเปิ้ล ทู

"ในนี้คือรหัสที่อยู่ในแอปเปิ้ล ทู ที่ทำให้มันทำงานได้ ทั้งหมดนี้ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ นะครับ ไม่รู้ว่าผมทำได้ไง ไม่มีทางทำได้อีก ผมภูมิใจในสิ่งนั้นครับ" สตีฟ วอซเนียก พูดถึงผลงานของเขาแบบติดตลก

วอซเนียกไม่รู้ว่าเขาทำได้ยังไง สตีฟยิ่งไม่รู้ไปใหญ่ แต่พวกเขามีบางอย่างที่คนอื่นไม่มี...วิสัยทัศน์ ก่อนอื่นดีไซน์นั้นต้องปรับปรุง แอปเปิ้ล ทู ต้องไม่เหมือนของที่ทำจากที่บ้าน มันถูกห่อหุ้มด้วยกรอบพลาสติก มาพร้อมหน้าจอ และดิสก์ไดรฟ์ จ๊อบส์ได้เปลี่ยนเครื่องทึมๆ ให้เป็นของที่มวลชนบริโภค

OWEN LINZMAYER AUTHOR OF Apple Confidental ให้สัมภาษณ์ว่า "แอปเปิ้ล ทู นั้นเป็นการปฏิวัติ เป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกเวลานั้น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล คอมพิวเตอร์สำเร็จรูป พร้อมที่จะออกจากกล่อง เป็นอุปกรณ์ของผู้บริโภคจริงๆ"

ที่เหลือในตอนนี้ก็คือการโน้มน้าวครอบครัวชาวอเมริกันให้ต้องการสินค้าในอนาคตนี้ และสตีฟ จ๊อบส์ ก็มีคำตอบในเรื่องนั้น...การโฆษณา นี่เป็นแคมเปญแรกของเขา แอปเปิ้ล ทูเป็นตัวแทน ณ ใจกลางชีวิตครอบครัว จากความสะดวกสบายในครัว เจ้าของแอปเปิ้ล ทู สามารถตรวจสอบหุ้นในตลาด ช่วงปลายปี 1970 นั้นวิทยาศาสตร์ยังเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก และนั่นคือคำโกหกอันชาญฉลาดของสตีฟ จ๊อบส์ นำเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวัน และ 20 ปีก่อนยุคอินเทอร์เน็ต เขาเป็นคนแรกที่คิดสินค้าเรียบง่าย มีประโยชน์และสนุก ที่จะเปลี่ยนชีวิตผู้คน

ปี 1970 จ๊อบส์ได้จ้างวิศวกรหนุ่มแอนดี้ เฮิร์ซท์เฟลด์ (Andy Herztfeld) Member of Apple's Development team แอนดี้จำได้ถึงความสำเร็จของคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ในช่วงเวลาที่มันวางขาย

"การขายคอมพิวเตอร์พันเครื่องต่อเดือน มันมหาศาลกับแอปเปิ้ลครับ และก็มีความสุขกับการขายพันเครื่องต่อเดือน ย้อนไปในปี 1978" แอนดี้พูดถึงตอนนั้น

สองผู้ก่อตั้งก่อให้เกิดความภาคภูมิใจต่อคนรุ่นหลัง ช่วงต้นยุค 80 การผจญภัยของพวกเขาเป็นเรื่องราวของความสำเร็จ แค่สี่ปีหลังจากเริ่มต้นในโรงรถ บริษัทขนาดเล็กก็กลายเป็นบริษัทสำคัญของ ซิลิคอน วัลเลย์

แอปเปิ้ล ทู ได้พิชิตอเมริกา 300,000 เครื่องถูกขายออกไป และตอนนี้ตั้งอยู่ในโรงเรียน เด็กนักเรียนสหรัฐเรียนรู้การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จากแอปเปิ้ล ทู ปลายยุค 80 บริษัทเล็กๆ จดทะเบียนในตลาดหุ้น และประตูเขื่อนก็เปิดออก เกือบห้าล้านหุ้นของแอปเปิ้ลถูกซื้อในไม่กี่นาที และมูลค่าของบริษัทกระโดดขึ้น 32 เปอร์เซ็นต์ในวันแรก สองสตีฟหนุ่มกลายเป็นมหาเศรษฐีชั่วข้ามคืน จ๊อบส์อายุ 25 วอซเนียกอายุ 30 เมื่อรวมกันมีมูลค่า 300 ล้านดอลล่าร์ และไลฟ์สไตล์ของพวกเขาก็สอดคล้องกัน  วอซเนียกถอยปอร์เช่ที่ติดทะเบียนแอ๊บเปิ้ล ทู

วอซเนียกเล่าขำๆ ว่า "ผมไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่เคยมีเงินพอ ไม่เคยคิดว่าจะมีเงินพอไปเที่ยวฮาวาย ผมเคยเป็นแบบนั้น แต่แล้วจู่ๆ ผมก็มีทุกอย่าง ใช่ครับ ดังนั้นมันจึงรู้สึกดีมากๆ"

แต่นักประดิษฐ์อัจฉริยะก็ค่อยๆ ถอนตัวจากบริษัท เพื่ออุทิศตนต่อความหลงใหล การซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์แปลกๆ หรือแม้กระทั่งการจัดคอนเสิร์ตดนตรีโฟล์ค เพราะว่าการมีสตีฟ จ๊อบส์เป็นคู่หูนั้นไม่ง่ายเลย เพราะเขาไม่เคยพอ ต้องการควบคุมทุกอย่าง ทุกอย่างโดยสิ้นเชิง กับจ๊อบส์การผจญภัยเป็นเพียงจุดเริ่มต้น บอสหนุ่มของบริษัทที่เพิ่งโผล่พรวดขึ้นมานี้กลายเป็นที่รักของสื่อ สัญลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ เขาโดดเด่นบนปกนิตยสารชั้นแนวหน้า ถูกแสดงเป็นเหมือนผู้รู้ของซิลิค่อน วัลเลย์ และรัศมีของเขาก็กระจายข้ามแอตแลนติก

Alan Delitschman author of "The Second Coming Of Steve Jobs" ได้ให้ความเห็นไว้ว่า
"เขาได้ขึ้นปกของนิตยสารไทม์ ตอนเขาอายุ 27 เขามีค่าหลายร้อยล้านดอลล่าร์ ฮีโร่ทางวัฒนธรรมในวัย 20"

Steve Jobs ผู้ไม่เคยถ่อมตนจะหมกมุ่นอยู่กับความยิ่งใหญ่ เป้าหมายของเขาคือการเป็นผู้นำของโลกไอที ไม่น้อยไปกว่านั้นนี่คือปี 1981 ภาคไอทีที่ถูกครอบงำโดย ibm ที่ตอนนั้นเป็นหนึ่งในบริษัทข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุด มีการจ้างงานกว่า 350000 คน และสร้างเมนเฟรมระบบคอมพิวเตอร์มากที่สุด ในปีนั้น ibm ได้ตัดสินใจเข้าสู่ตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลโดยการเปิดตัว ibm PC ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Apple II คู่แข่งรุ่นเฮฟวี่เวทรายนี้จะทำลายอำนาจสูงสุดของผู้ก่อตั้ง Apple ได้หรือไม่ การตอบสนองของจ๊อบและพิมพ์งานหรือไม่ พวกเขาไม่เชื่อเลยว่า ibm PC จะมีอนาคต แถมยังเลือกฉลองด้วยน้ำผลไม้

หนึ่งในทีมวิจัยของ Apple ได้บอกว่า " เรารีบออกมา ได้เครื่องหนึ่ง แล้วเริ่มแยกชิ้นส่วนทันที แล้วเราก็เริ่มหัวเราะ ตอนที่เห็นว่ามันออกแบบมาห่วยแค่ไหน"

" ตอนแรกคนที่อยู่ใน Apple มองไปที่ ibm แล้วพูดว่า อะไรจะขยะขนาดนี้ มันไม่น่าสนใจเลย มันไม่มี ความสามารถกราฟิกอย่างที่เรามี ไม่ได้จัดการระบบปฏิบัติการ Disk อย่างที่เรามี มันไม่มีซอฟต์แวร์ มันเป็นกล่องน่าเกลียดขนาดใหญ่"

แม้ว่าสตีฟ จ๊อบส์ จะดูถูกเครื่อง PC แต่มันก็ขายดี และกลืนส่วนแบ่งตลาดของแอปเปิลทู และความสำเร็จของมันย่อลงมาเหลือ 3 ตัวอักษร มันทำลายความภูมิใจของสตีฟ จ็อบส์ เขาได้ตัดสินใจตอบโต้ โดยเชื่อว่าของเขาดีกว่า เขาต้องการขยี้ ibm และกลายเป็นความหมกมุ่น เพื่อนำสงครามนี้เขาก็เริ่มรับนักธุรกิจ และไม่ใช่ใครที่ไหน John sculley CEO ของ Pepsi Cola ชายที่สร้างชื่อเสียงโดยการเขย่าหนึ่งในคู่แข่งหรือ Coca Cola ความร่วมมือของชายสองคนนี้เป็นข่าวหน้าหนึ่ง แผนจัดการ ibm ขึ้นหน้าปกของ Business Week และ Steve Jobs ก็มั่นใจเอามากๆ

วิธีที่ Steve Jobs ใช้ ดึงความสนใจ John sculley มาอยู่ที่แอปเปิ้ล Apple เขาโน้มน้าวว่า คุณอยากจะทำน้ำผสมน้ำตาลหรืออยากมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงโลก เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกช่างเป็นภารกิจของ Steve Jobs และเขาจะออกไปทำไม่ว่าต้องเสียอะไร ตอนนี้สตีฟ จ็อบส์ อุทิศตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์เพื่อดำเนินโครงการสำคัญ คอมพิวเตอร์ เพื่อทำให้ดีกว่าคู่แข่ง ibm มันจะต้องจี๊ดจ๊าด ชื่อของมันน่ะหรอแมคอินทอช เพื่อออกแบบเขาเรียกร้องความภักดีของทีมงาน วิศวกร Apple ต้องยอมเสียสละทุกอย่าง แอนดี้ เฮิสฟิลล์บอกว่า มันไม่ใช่ความทรงจำที่มีความสุขเลย แอนดี้เล่าว่า

" เขาแวะมาบอกว่า ผมมีข่าวดีให้คุณ คุณได้ทำ Mac แล้ว ผมว่าเยี่ยม ขอผมวันหนึ่งทำแอปเปิ้ลทู ที่กำลังทำอยู่ให้เสร็จ แล้วเขาก็บอกว่า งานอะไรที่คุณพูดถึง อะไรจะสำคัญไปกว่าทำเครื่องแมคอินทอช บอกว่า Project แอปเปิ้ล ทู ของผมนั่นไม่ดีเลย มันไร้ประโยชน์ คุณต้องเริ่มทำแมคอินทอชเดี๋ยวนี้ เขาเอาแอปเปิ้ลทูของผมไป และดึงปลั๊กออก ผมเลยเสียทุกอย่างที่กำลังทำ และเขายังไม่หยุด เขาหยิบแอปเปิ้ล 2 แล้วเดินไปเฉยเลย

เขาผลักดันพนักงานไปขีดสุด เขาทำเสื้อยืดมาให้สำหรับทีมแมคอินทอช และบอกว่าให้ทำงาน 90 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และให้รักมัน การทำงาน 90 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หลังจาก 3 ปีกับก้าววุ้นวายนี้ ในที่สุดแมคอินทอชก็พร้อมแล้ว แผนการเปิดตัวในเดือนมกราคม 1984

วันนั้นก่อนหอประชุมจะเต็มไปด้วยความคลั่ง สตีฟ จ็อบส์ได้ขึ้นกล่าวคำอุทิศ ในสไตล์การแสดงแบบสหรัฐ ต่อความรุ่งโรจน์และสิ่งสร้างสรรค์ เขาเริ่มสาธิตความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับคอมพิวเตอร์ ที่จะยิ่งเหมือนมนุษย์ในท้ายที่สุด บนจอยักษ์ เราพบความสามารถในการเคลื่อนไหวและกราฟฟิก เป็นครั้งแรกที่คอมพิวเตอร์ช่วยคนวาดภาพ โดยมีภาพประกอบของตัวเอง และ Jobs ก็ยิ่งเพ้อถึงความยิ่งใหญ่มากกว่าที่เคย Steve Jobs แทบไม่อาจซ่อนความรู้สึก ที่จะช่วยให้เขาขยี้ ibm และแน่นอน เพื่อกลายเป็นเจ้าโลก ทีอายุ 29 ปี สตีฟ จ็อบส์ก็อยู่จุดสูงสุดของความรุ่งโรจน์ เครื่องแมคอินทอชและการสาธิตของเค้าคือจังหวะของอัจฉริยะ

สตีฟ จ็อบส์ไม่ได้เป็นนักประดิษฐ์หรือวิศวกร แต่แมคอินทอชคือสิ่งสร้างสรรค์ของเขาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลตลอดกาล สื่อบอกว่ามันเป็นการปฏิวัติและยอดการขายก็ถล่มทลาย แม้ว่ามันจะมีราคาแพงแต่แมคอินทอชก็ดังเป็นพลุแตก ราคา 2500 ดอลลาร์สหรัฐที่เป็นราคา 2 เท่าของ ibm แมคอินทอชประสบความสำเร็จในช่วงต้น มันดึงดูดความสนใจคนกลุ่มหนึ่ง สิ่งที่แมคต่างจากคู่แข่งคือมันเป็นมิตรต่อผู้ใช้มากแม้แต่เด็กก็ใช้ได้ ต้องขอบคุณการปฏิวัตินวัตกรรมอย่างเมาส์ เมาส์ในรูปแบบนี้เป็นของใหม่มากเช่นเดียวกับ Icon เมนูและหน้าต่างซึ่งปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรก ที่ทำให้เป็นไปได้คือสมองของแมคอินทอช มันคือระบบปฏิบัติการ มันล้ำหน้ากว่าคู่แข่งถึง 10 ปี Steve Jobs ชื่อว่าเขามาถึงจุดสูงสุดผู้เดียวไม่มีใครเทียบได้ แต่ก็ต้องสะดุด ด้วยความมืดบอดจากการสู้กับ ibm เขาไม่เห็นว่าใครอีกอย่างกำลังซุ่มซ่อนอยู่ ซึ่งก็คือ บิลเกตส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ ที่อายุ 29 ปี เขาอายุเท่ากับสตีฟ จ็อบส์ และเริ่มตั้งบริษัทตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นกัน แถมในปี 1984 ปีที่แอปเปิ้ลดังระเบิด มันยังเป็นองค์กรขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง

Microsoft ไม่ได้เป็นบริษัทใหญ่อย่างที่เรารู้ทุกวันนี้ ไม่ใช่ผู้ผูกขาดขนาดยักษ์ ตอนนั้นมันเล็กกว่าแอปเปิ้ลมาก ซึ่งต่างจาก Apple Microsoft ไม่ได้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ มีเพียง Application แต่ก็สร้างระบบปฏิบัติการของตัวเอง และบิลเกตส์ก็ประทับใจระบบที่แมคอินทอชจัดเตรียมไว้ แม้แต่พูดชมในที่สาธารณะ ไม่มีใครสงสัยว่าบิลเกตส์นั้นมีโครงการในใจ เพื่อเจาะความลับของแมคอินทอชภายใต้ชื่อยี่ห้อเขา เขาต้องการสร้างระบบที่พัฒนาแล้ว พร้อมเจตนารับในการขายมันให้แอปเปิ้ล แต่เขาทำมันได้อย่างไร บางครั้งบิวเกตก็รับงานให้กับแอปเปิ้ล การจัดหาซอฟต์แวร์ให้ณเวลานั้น กลุ่มวิศวกรไม่รู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องระวังผู้จัดหาขนาดเล็กนี้ ความจริงแล้วเขาจะใช้ประโยชน์จากความไม่ระวังเพื่อหาคำตอบของระบบแมคอินทอช แต่ใช้เวลาสักพักกว่า Apple จะจับได้ แม้ว่าบิลเกตส์กำลังพิสูจน์ให้เห็นความอยากรู้ของเขา เขาหลงอะไรทุกอย่างเกี่ยวกับแมคอินทอช เขาถามคำถามมากมาย จนมากเกินไป จนถึงจุดที่สตีฟ จ็อบส์บังเอิญมาเจอเขากำลังอภิปรายลงลึกกับแอนดี้ สตีฟ จ็อบส์มีเหตุผลที่ต้องกังวล แต่มันก็สายเกินไป ความเสียหายนั้นเกิดขึ้นแล้ว ไม่กี่เดือนต่อมาก็มีข่าวร้าย ราวปาฏิหาริย์ PC จับจุดสำคัญได้ พวกเขาได้รับเอาเมนูเลื่อนลง และเมาส์ ทั้งหมดต้องขอบคุณโปรแกรมใหม่ของ Microsoft บิลเกตส์เพิ่งได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการของตัวเอง Windows ได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงจากสมองของแมคอินทอช

บิลเกตส์ทำมันสำเร็จ Windows ถูกติดตั้งในคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ของโลก ในราคาที่ชนะขาดลอย สำหรับ Apple มันคือหายนะ ยอดขายแมคอินทอชพังทลายในไม่กี่สัปดาห์ และดาวอย่างสตีฟ จ็อบส์ก็เริ่มดับแสง จู่จู่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่พวกเขาเริ่มกังวลว่า จะเกิดอะไรกับบริษัท เพราะคนเริ่มไม่ซื้อแมคกันแล้ว เพื่อออกจากวิกฤตนี้ John sculley จำเขาได้ไหม คนที่สตีฟ จ็อบส์สร้างเมื่อ 2 ปีก่อน ก็เข้ามาลงมืออย่างคาดไม่ถึง เขาไล่บิดาของแมคอินทอชออก ผู้ก่อตั้ง Apple เป็นอดีตไปแล้วกับสตีฟ จ็อบส์ มันเป็นความผิดหวังที่โหดร้าย ถูกขับออกจากบริษัทตัวเอง ตอนอายุ 30

นั่นคือปี 1985 และ Steve Jobs ก็คิดเรื่องการไปจาก ซิลิคอนวัลเลย์ เพื่อทำอย่างอื่น แต่เขาเป็นนักสู้ เป็นผู้ประกอบการที่ไม่ธรรมดา เขาจึงตั้งบริษัทไอทีใหม่ที่ชื่อว่า next ในแง่ที่ว่ามาทีหลังแอปเปิ้ล ปีต่อมาเขาซื้อสตูดิโอพิกซาร์จากจอร์จ ลูคัส ซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงบริษัท Special effects ขนาดเล็ก พิกซาร์  จะสร้าง Toy Story finding Nemo และดิอินเครดิเบิ้ล หนังการ์ตูนที่จะปฏิวัติโลก Animation เป็นอีกครั้งที่ชายคนนี้มีความหลักแหลม หลายปีผ่านไป Steve Jobs ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ยังคงอยู่กับความฝันบ้าบ้าเรื่องการเปลี่ยนโลก เราได้พบกับเขาในปี 1992 ในออฟฟิศใหม่ของเขา ในซิลิคอนวัลเลย์ และอย่างที่คุณเห็น ตอนนั้นเขาก็จินตนาการถึงศตวรรษที่ 21 แล้ว Steve Jobs ยังคงมีวิสัยทัศน์เช่นเคย อายุเพียง 37 ปี เขายังมีเวลาเพื่อสร้างสิ่งที่อยู่ในหัวทั้งหมด

แต่ในขณะเดียวกัน กลางยุค 90 บิลเกตส์นั่นมาแทนที่เขา Microsoft บริษัทของเขา ไม่มีวันแยกออกจากโลกไอทีได้ มันเป็นปรากฏการณ์ผู้ทรงอิทธิพลทางเศรษฐกิจ และกึ่งผูกขาด คอมพิวเตอร์ของโลก 97% ใช้ระบบ Windows ในทางกลับกัน ตั้งแต่ Steve Jobs จากไป Apple ได้สูญเสียพื้นที่อย่างต่อเนื่อง บริษัทต้องการยกเครื่องใหม่อย่างมาก ส่วนแบ่งการตลาดทรุดลงไปเหลือเพียง 3 เปอร์เซ็นต์ 5 กุมภาพันธ์ 1997 Business Week พาดหัวว่า การล่มสลายของไอคอน American แอปเปิ้ลอยู่ในวงจรมุ่งสู่ความตาย มันได้ผ่านผู้นำมากมาย และไม่มีใครประสบความสำเร็จ คนสูญเสียความเชื่อมั่น แม้แต่ลูกค้าที่ภักดี แฟนแฟนก็เริ่มเปลี่ยนใจ ไปยังเครื่อง PC ในขณะนั้น Apple เพิ่งจ้าง CEO คนใหม่ กิลเบิร์ต อาเมลิโอ ส่วน  จอห์น สกัลลีย์ ศัตรูของ Steve Jobs ก็ถูกไล่ออกไป กิลเบิร์ต อาเมลิโอ ตัดสินใจเสี่ยงทุกอย่าง เขาเล่นไพ่ใบสุดท้าย เกลียดหาชายคนดังในช่วงเวลานั้น ผู้รู้จากจุดเริ่มของบริษัท สัญลักษณ์ยุคทองของ Apple Steve Jobs ตอนนั้นอายุ 42 และเช่นเคย ที่เขาเต็มไปด้วยไอเดีย

อ่านต่อ หนทางที่สตีฟ จ๊อบส์ เปลี่ยนแปลงโลก




 

แบคดรอปผ้า
รับติดแบนเนอร์เว็บบอล